posttoday

"บิ๊กเจี๊ยบ"ปัดข่าวจ่อนั่งนายกฯแทน"ปู"

18 มกราคม 2557

วันกองทัพไทยปี 2557 ไร้เงา "ประยุทธ์" เหตุติดภารกิจผบ.สส. ยอมรับ ห่วงสถานการณ์ชุมนุม จี้คู่ขัดแย้งเจรจา เชื่ออยากคุยแต่หาคนกลางไม่ได้

วันกองทัพไทยปี 2557 ไร้เงา "ประยุทธ์" เหตุติดภารกิจผบ.สส. ยอมรับ ห่วงสถานการณ์ชุมนุม จี้คู่ขัดแย้งเจรจา เชื่ออยากคุยแต่หาคนกลางไม่ได้

เวลา 10.30 น.วันที่ 18 ม.ค. ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ พล.อ.ธนะศักดิ์  ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลา ถวายราชสักการะดวงวิญญาณนักรบไทยเนื่องในวันกองทัพไทยประจำปี 2557 เพื่อรำลึกพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช องค์วีรมหากษัตริย์ไทย และบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ตลอดจนเหล่าบรรพชนของไทยที่ได้สร้างวีรกรรมอันกล้าหาญ สละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องรักษา แผ่นดินไทย โดยมีพล.ร.อ.ณรงค์  พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ประจิน  จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายทหารระดับสูงเดินทามาร่วมพิธี ขาดเพียงพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ติดภารกิจจึงมอบหมายให้พล.อ.อุดมเดช  สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมาร่วมพิธีแทน
              
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า วันกองทัพไทยถือเป็นวันสำคัญของประเทศ เพราะการที่เรามีแผ่นดินที่อยู่เย็น สุขสบายจนถึงทุกวันนี้เพราะพระมหากษัตริย์  บรรพบุรุษ  วีรชน ที่ได้ทำมา  ทางกองทัพจึงได้จัดกิจกรรมเพื่อรำลึกขึ้นมา  การที่เราอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะความเสียสละ และ ความรักชาติ โดยยึดประโยชน์ของชาติที่ทำให้พวกเราลดละอะไรลงไปบ้าง และการที่เราอยู่ได้ทุกวันนี้ด้วยความสุขสบาย ต่างชาติรู้จัก ได้ไปศึกษาต่างประเทศ เป็นเรื่องที่พระมหากษัตริย์ทรงคิด  เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  เราได้เห็นถึงความรัก ความสามัคคี และ ประสิทธิภาพของคนไทยที่มีความผูกพันกับต่างประเทศมาเป็นหลายร้อยปี เพราะทุกคนมีวิจารณญาณว่าควรทำอย่างไร ส่วนสาเหตุพล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมพิธี เนื่องจากติดภารกิจ

จากนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์  กล่าวถึงกรณีที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่บริเวณ การชุมนุมว่า ทางกองทัพเป็นห่วงอยู่แล้ว  เพราะหน้าที่ของทหาร คือการรักษาอธิปไตย ความมั่นคง ปกป้องชีวิต และ ทรัพย์สินของประเทศ  แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในขอบเขต การดำเนินการอะไรจะมีทั้งสีดำ และ สีขาว  แต่เมื่อรวมกันแล้วจะเป็นสีเทา เหมือนทหารสมัยนี้ที่ทหารจะทำงานร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ซึ่งทุกอย่างเราเป็นห่วงหมดจึงพยายามให้มีการคุยกันเพื่อทำให้เกิดความเรียบร้อย โดยเราพูดคุยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำอาสาสมัครรักษาความปลอดภัย หรือ ผู้ชุมนุมมาร่วมกันทำให้เกิดความปลอดภัย  คนไทยทุกคนรักประเทศ แต่ตนงงนิดๆว่า เมื่อทุกคนรักประเทศ  แต่ทำไมไม่ทำความรักให้เป็นโอกาสที่ทำให้ประเทศเจริญขึ้น การเดินขบวนของผู้ชุมนุม กฎหมายระบุว่าสามารถทำได้ แต่จะทำอย่างไรให้เดินแล้วมีความปลอดภัย ดังนั้นน่าจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะหากทำร่วมกันได้ก็จะไม่มีเรื่อง ประเทศขณะนี้เหมือนร่างกายอ่อนแอและมีโรคแทรกซ้อนจึงต้องดูแล ไม่ให้อ่อนแอ เปรียบกับการวางกำลังแนวชายแดน เพื่อป้องกันภัยแทรกซ้อน เปรียบเหมือนมะเร็ง ถ้าป้องกันได้ มะเร็งก็ไม่แพร่เข้ามา  นี่คือสิ่งที่เป็นห่วง
              
“ผมเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครเป็นอะไร  ถ้าร่วมกันได้ อยากทำอะไรก็ทำ  แต่ต้องในสิ่งที่อยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่ใช่ทุกคนอยากทำอะไรก็ทำได้ หากต่างคนต่างทำก็จะยุ่งกันไปหมด  เรื่องอาวุธ กระสุน เป็นเรื่องของความรุนแรงที่ไม่ควรให้เกิด ละเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ แต่ยังสามารถแก้ไขได้ด้วยการดูแลร่วมกัน  ส่วนบางจุดที่ไม่เกิดเหตุรุนแรง ผมก็ขอชื่นชม ในที่สุดความเห็นที่เหมือนกันจะได้ความลงตัวที่ดี ประเทศจะได้ชัยชนะ  ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณถ.บรรทัดทอง นั้น ทราบจากข่าวว่า  ผู้ชุมนุมมีการเปลี่ยนเส้นทางเดินกะทันหัน ถ้าผมจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนไปในเส้นทางที่ไม่ถูกลอบทำร้าย แต่บังเอิญไปโดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย แต่ กปปส. ไม่อยากให้เข้าไปทำ ถ้าไม่มั่นใจว่า จะทำได้ดีก็ต้องจัดเจ้าหน้าที่มาสังเกตการณ์ว่า ตำรวจทำตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่   สิ่งใดไม่ดีก็จะได้แจ้งกันได้จะได้ช่วยขยายสิ่งที่ไม่ดี ทั้งนี้จากที่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางตำรวจต้องทำหน้าที่เหมือนเดิม แต่ทางตำรวจบอกว่า ทางกลุ่ม กปปส.ไม่ให้ทำ แต่จะให้ทหารทำอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่ใช่หน้าที่จึงต้องพาตำรวจหรือนำอาสาสมัครที่ดูแลความปลอดภัยไปด้วย เพราะหากไม่มีใครทำงานก็ต้องเลิกหมด ดังนั้นผมหรือคนอื่นไม่ทำก็ไม่ได้ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีที่มีคนอื่นมาคุยตรงนี้ได้”พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าว

ส่วนความพยายามให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า บ้านเราต้องแก้กันเอง เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้นำประเทศอื่นมาช่วยแก้ปัญหาชายแดน แต่ปัญหาก็จบด้วยดี ถ้าเอาคนอื่นเข้ามาจะเหมือนกับเป็นการสาวไส้ให้กากิน ทั้งนี้ตนได้พูดคุยกับทางผู้นำทางทหารของต่างประเทศเป็นประจำ โดยตนพยายามสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติว่า ทหารจะปฏิบัติตามกติกา ไม่ให้มีใครเป็นอะไร และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต่างประเทศเข้าใจและชื่นชมว่า ทหารวางตัวได้เหมาะสม ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังสันติ ไม่ตีกัน ซึ่งตนมั่นใจว่า กลุ่มผู้ชุมนุมและรัฐบาลไม่อยากให้มีใครเป็นอะไร แต่บางครั้งสุดวิสัย เมื่อเกิดแล้วเราต้องจับวิกฤติให้ เป็นโอกาส มาพุดคุยกัน ยิ่งคุยกันเร็ว คุยกันบ่อยดีกว่าพูดกันมาก แต่ไม่ได้หมายความว่า ให้เลิกประท้วง ซึ่งสามารถทำให้ทุกคนกลับมาวิน-วินได้ 

เมื่อถามว่า เหล่าทัพจะเป็นคนกลางในการพูดคุยระหว่างสองฝ่ายได้หรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ใครๆก็เป็นได้ ถ้าทุกคนยอมรับก็เป็นคนกลางได้ ทุกคนพร้อมให้ประเทศกลับมาสู่สิ่งดีๆ ตนมองโลกในแง่ดี ทุกคนอยากให้ประเทศดีจึงมีการแสดงออกมา เมื่อถามว่า รัฐบาลกับ กปปส.เหมือนเส้นขนาน หาทางบรรจบกันไม่ได้ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายอาจอยากคุยกันก็ได้ แต่ยังหาคนกลางไม่ได้ และเรายังตอบไม่ได้ว่า ใครจะมาเป็นคนกลาง ส่วนจะให้นายกฯลาออกเพื่อให้สถานการณ์ยุติหรือไม่ นั้น ก็ต้องกลับไปถามกันอีกที เพราะขณะนี้ตัวละครมีมาก ก่อนหน้านี้ตัวละครน้อย แต่ตอนนี้มี3-6 คนจึงต้องกลับไปถามตัวละครทั้งหมด อีกทั้งตัวละครหลักมีอยู่ เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า จะให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า หากใครรู้จักตน ตนจะลาออกจากราชการเมื่อ6ปีที่แล้ว แต่ไม่สามารถลาออกได้ แล้วจะให้ตนมาทำงานหลังเกษียณจ้างให้ก็ไม่ทำ ตนจึงพูดว่าแมงโม้เยอะ
              
ส่วนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น  ไม่ใช่ว่า ประกาศพ.ร.ก.แล้วทหารต้องออกมา เพียงแต่ พ.ร.ก.ดังกล่าวทำให้มีอำนาจทางกฏหมายมากขึ้น แต่ตราบใดที่เรายังรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ให้มีใครเจ็บใครตาย จะเป็น พ.ร.บ.อะไร เราก็ช่วยกันประคองไปได้ เมื่อถาม ว่า กองทัพรู้สึกกดดันหรือไม่ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ ผบ.เหล่าทัพ ออกมาไล่นายกฯ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า นั่นคือความเห็นและมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่พูดกัน คือ ไม่อยากให้มีความรุนแรง ลองไปถามผบ.ตร.หรือทหารว่า พกปืนหรือไม่ ถ้าพกปืนแสดงว่าอยากให้มีความรุนแรง แต่นี่ไม่มี
              

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568