เที่ยวปีใหม่ ไม่รบกวนสัตว์ป่า

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล ภาพ เพจเฟซบุ๊ก Seub Nakhasathien Foundation

ช่วงหยุดยาวปีใหม่ทีไรจะเห็นภาพนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังต่างจังหวัดกันอย่างล้นทะลัก หวังจะสัมผัสธรรมชาติอันบริสุทธิ์ โดยเฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยวอย่างอุทยานแห่งชาติ ป่าเขา ดงดอย เขื่อน จนถึงหมู่เกาะต่างๆ กลางทะเล

หารู้ไม่ว่านี่เป็นการรบกวนสัตว์ป่าครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี เพราะการเข้าป่าหมายถึงเข้าบ้านสัตว์ ดังนั้นการที่จะลดผลกระทบต่อสัตว์ป่าและธรรมชาติ ทุกคนจึงควรปฏิบัติตัวด้วยความอ่อนน้อมและเคารพกติกา เพื่อสร้างวัฒนธรรมการเที่ยวธรรมชาติแบบไม่ทำลายกัน

เครือข่ายคนอนุรักษ์จึงออกมารณรงค์การปลุกจิตสำนึกให้คนไทยอนุรักษ์สัตว์ป่า เริ่มด้วยการห้ามให้อาหารสัตว์ป่า การให้อาหารสัตว์ป่า ไม่ใช่การทำบุญ แต่เป็นการทำร้ายชีวิตสัตว์ป่าทางอ้อม เพราะจะทำให้สัตว์ป่าคุ้นชินกับรสชาติของผลไม้หรืออาหารที่คนเอาไปให้ ที่ร้ายกว่านั้นคือ เกิดความคุ้นเคยกับคนที่นำอาหารมาล่อจนลดสัญชาตญาณระแวงไพร ทำให้สัตว์ป่าถูกล่าง่ายขึ้น

ยุติการกินอาหารป่า การล่าสัตว์ในทุกวันนี้ไม่ใช่เพื่อการยังชีพอีกต่อไปแล้ว แต่เพื่อป้อนเข้าตลาดการค้าเนื้อสัตว์ป่า ซึ่งลูกค้าคือคนเมือง ไม่ใช่ชาวบ้านป่าที่ต้องพึ่งพาเนื้อสัตว์ป่าเป็นแหล่งอาหารโปรตีนอย่างไม่มีทางเลือกอื่นเหมือนดังแต่ก่อน หยุดล่าสัตว์ป่า การล่าสัตว์ป่าเป็นการทำลายโอกาสที่จะสืบทอดสายพันธุ์ ทำลายโอกาสการแพร่กระจายพันธุ์ไม้ใหญ่ยืนต้นที่สำคัญ ช้างตัวหนึ่งที่ถูกยิงล้มเพื่อเอางา อาจหมายถึงการลดโอกาสแพร่สายพันธุ์ที่ดี จนในที่สุดอาจไม่เหลือนักกรุยทางและนักปลูกต้นไม้ที่ช่วยพยุงระบบนิเวศและสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ป่าไม้

ไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยง สัตว์ป่าควรอยู่ในป่า สัตว์ป่าที่ถูกนำมาขายในตลาดค้าสัตว์เลี้ยง ส่วนใหญ่ผ่านประสบการณ์ที่โหดร้ายจากการพรากพ่อพรากแม่ด้วยการล่าหรือขโมยจับลูกสัตว์ป่าจากรัง เมื่อนำมาขาย สัตว์ป่าบางชนิดมีอาการตกใจกลัว บางชนิดตื่นกลัวไม่ให้เข้าใกล้ ทุกตัวมักมีความเครียดสะสมอยู่ทั้งสิ้น การซื้อหาสัตว์ป่าเหล่านี้ไม่ใช่การแสดงความรักที่ถูกต้อง แต่เป็นการเพิ่มปริมาณความต้องการในตลาดค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายด้วย

เลิกใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องประดับสัตว์ป่า พรานที่สังหารสัตว์ป่าได้แล้วจะเลาะเอาทุกอย่างจากสัตว์ป่าไปแปรรูปเป็นสินค้าประเภทต่างๆ แล้วพยายามล่อลวง กระตุ้นให้คนอยากซื้อสินค้า วางกลยุทธ์การตลาด เช่น สร้างเรื่องราวความขลัง ใช้แก้เคล็ด บ้างก็อ้างถึงคุณสมบัติของยาอายุวัฒนะ บ้างก็อ้างถึงความหายาก มีชิ้นเดียวในโลก ถึงคุณไม่กินเนื้อสัตว์ป่า แต่ถ้าชอบเสาะแสวงหาชิ้นส่วนของสัตว์ป่าเพื่อเป็นเครื่องประดับหรือประดับตกแต่งบ้านก็เท่ากับว่าคุณอยู่ในวงจรที่ส่งเสริมการล่าสัตว์ป่าด้วย

นอกจากนี้ ยังมีคำเตือนด้วยความปรารถนาดีจากกลุ่มใบไม้ กลุ่มเยาวชนต้นกล้า จ.นครนายก ชมรมคนรักษ์สัตว์ป่าและกลุ่มรักษ์เขาใหญ่ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในช่วงเทศกาลว่า การดื่มเหล้าในอุทยานฯ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผิดกฎหมาย มีโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท ขอให้หยุดความคิดที่จะเข้าไปในพื้นที่ธรรมชาติเพียงแค่การเปลี่ยนที่ดื่มเหล้า เพราะนอกจากคุณจะไม่ได้ศึกษาธรรมชาติแล้ว ยังเป็นการรบกวนผู้อื่นด้วย

ห้ามทิ้งขยะทุกชนิด โดยเฉพาะก้นบุหรี่ ถุงพลาสติก ทิ้งกันคนละนิดป่าก็เต็มไปด้วยขยะนับล้านชิ้น เอาอะไรเข้าไปก็เอากลับออกมาทุกชิ้นและห้ามนำภาชนะที่ทำจากโฟมเข้าอุทยานฯ ผิดกฎหมายมีโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท

ไม่ทำลายธรรมชาติ เช่น ไม่เด็ด หัก ต้นไม้ ดอกไม้ ปะการัง ส่องสัตว์ตอนกลางคืน รบกวนโป่งสัตว์ ส่งเสียงดัง เปิดเพลง ขับรถออกนอกเส้นทางที่กำหนด ขับรถเร็ว เสียงดัง ดำน้ำดูปะการังในช่วงน้ำตื้นเกินไป ไม่ถ่ายรูปที่เป็นรบกวนสัตว์ จับปลาดาวขึ้นมาถ่ายรูป ฯลฯ

หากพบเห็นการทำลายธรรมชาติควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการ แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ได้ผลทันที แต่ก็จะเป็นการแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่ายังมีคนที่ห่วงใยธรรมชาติอยู่

ง่ายๆ คนละไม้ละมือ เพียงเท่านี้ก็สามารถเที่ยวปีใหม่ได้อย่างสุขใจอย่างแท้จริง