โอไอซีชมไทยแก้ปัญหาไฟใต้ดี
โอไอซีชมไทยพัฒนาการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ชี้ปัญหาความรุนแรงไม่ใช่มาจากปมขัดแย้งทางศาสนา
โอไอซีชมไทยพัฒนาการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ชี้ปัญหาความรุนแรงไม่ใช่มาจากปมขัดแย้งทางศาสนา
เมื่อวันที่25ธ.ค.ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มประเทศองค์การความร่วมมืออิสลามได้จัดประชุม รมว.ต่างประเทศ ครั้งที่ 40 (OIC CFM 40) ระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม 2556 ณ ประเทศสาธารณรัฐกินี ทวีปแอฟริกา มติที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมพัฒนาการในการแก้ปัญหา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาโดยใช้สันติวิธี และการพูดคุยสันติภาพ โดยในระหว่างการประชุมไม่มีการกล่าวโจมตีประเทศไทย สรุปสาระสำคัญในข้อมติทั่วไปได้ดังนี้
“ชื่นชมความพยายามของเลขาธิการ OIC ในการประสานกับรัฐบาลไทย และผู้แทนชาวมุสลิม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อการปรับปรุงเงื่อนไขให้ชาวมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีโอกาสในการจัดการกิจการของตนเองในเรื่องการ ประกอบกิจตามศาสนา ภาษา และวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ และบริหารจัดการกับทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ โดยเคารพต่อรัฐธรรมนูญและอธิปไตยของไทย ซึ่งสอดคล้องกับแถลงข่าวร่วม ไทย – OIC เมื่อปี 2550 ยินดีต่อการลงนามในเอกสาร Gerneral Consensusระหว่างรัฐบาลไทยกับ BRN และเรียกร้องให้การหารือสันติภาพนี้ครอบคลุมถึงกลุ่มและองค์กรอื่นๆ ที่เป็นผู้แทนของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการวางแผนที่ชัดเจนสำหรับการหารือในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชาวมุสลิม นอกจากนั้นยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างดีที่สุด และขยายการหารือให้ครอบคลุมถึงชาวมุสลิมทั้งหมด และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ เพื่อบรรลุผลสำเร็จที่เป็นธรรม และถาวรสำหรับปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแนวทางแถลงข่าวร่วม ไทย – OIC เมื่อปี 2550” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.กล่าว
พันเอกปราโมทย์ ยังได้กล่าวอีกว่า จากข้อมติทั่วไปในการประชุมดังกล่าว จะเห็นได้ว่าได้มีการแก้ไขจากข้อมติทั่วไปในการประชุม ครั้งที่ 39 ซึ่งหลายฝ่ายมีความเป็นกังวลว่า อาจจะถูกนำมาถกแถลงกันอย่างกว้างขวางในการประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้เป็นเพราะว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาตามแนวทางสันติวิธี และสนับสนุนกระบวนการพูดคุยสันติภาพ รวมทั้งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเคารพในหลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการไม่ย่ำยีต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นแก้ปัญหาที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ทำให้สถานการณ์ในภาพรวมมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ภาพลักษณ์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยต่อสายตาของกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมืออิสลามออกมาในเชิงบวกมากขึ้น กลุ่มประเทศองค์การความร่วมมืออิสลาม ได้ประกาศจุดยืนในการเดินทางมาเยือนประเทศไทยทั้ง 3 ครั้ง ที่ผ่านมาว่า ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มิได้เกิดจากประเด็นศาสนา ตามที่กลุ่ม ผู้ก่อเหตุรุนแรงนำมากล่าวอ้าง พร้อมทั้งได้กล่าวประณามการก่อเหตุรุนแรงว่า เป็นการกระทำที่ขัดกับบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม เพราะ “การฆ่าผู้บริสุทธิ์ 1 คน เท่ากับ เป็นการฆ่ามวลมนุษย์ทั้งโลก”


