ยุบสภาแล้วยังไงต่อ"นิรโทษ-แก้รธน."สิ้นหรือไม่?
การยุบสภาฯที่เกิดขึ้นได้มีคำถามตามมาว่ากฎหมายสำคัญหลายฉบับที่ยังไม่เสร็จสิ้นขั้นตอนและยังไม่ได้ประกาศใช้เป็นกฎหมายจะมีสภาพเป็นอย่างไร
โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย
ในที่สุด "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกตั้งใหม่ อันเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นายกฯได้นำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาทางการเมืองในขณะนี้
โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องมีการเลือกตั้งภายใน 60 วันแต่ต้องไม่น้อยกว่า 45 วัน และเวลานี้ถือว่านายกฯและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะได้พ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ทว่าบทบัญญัติกำหนดให้ต้องทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งในระหว่างนี้รัฐธรรมนูญมาตรา 181 ได้ขีดเส้นหน้าที่ของรัฐบาลรักษาการเอาไว้ทั้งหมด 4 ประการ ดังนี้
(1) ไม่กระทำการอันเป็นการใช้อำนาจแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ หรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
(2) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
(3) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
(4) ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งและไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด
ขณะเดียวกันการยุบสภาฯที่เกิดขึ้นได้มีคำถามตามมาว่ากฎหมายสำคัญหลายฉบับที่ยังไม่เสร็จสิ้นขั้นตอนกระบวนการนิติบัญญัติอย่างสมบูรณ์และยังไม่ได้ประกาศใช้เป็นกฎหมายจะมีสภาพเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งกฎหมายที่เข้าข่ายลักษณะที่ว่านั้นมีทั้งสิ้น 5 ฉบับด้วยกัน
1.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อปี 2555 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีผลต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับจะต้องผ่านการทำประชามติก่อน (ปัจจุบันยังอยู่ในสารบบของรัฐสภา)
2.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ว่าด้วยลักษณะหนังสือสัญญาระหว่างประเทศที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา (ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาในศาลรัฐธรรมนูญ)
3.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 237 ว่าด้วยการไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องยุบพรรคการเมืองได้โดยตรง (ปัจจุบันรอการพิจารณาของรัฐสภาในวาระที่ 2 และ 3)
4.ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน (ปัจจุบันวุฒิสภาได้ยับยั้งโดยมีมติไม่รับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวไว้พิจารณา โดยที่สภาฯจะสามารถนำมาพิจารณาได้ก็ต่อเมื่อครบกำหนด 180 วันนับตั้งแต่วันที่วุฒิสภาได้ส่งร่างพ.ร.บ.คืนให้สภาฯ)
5.ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท (ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่ามีบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลได้ชะลอการทูลเกล้าฯไปแล้ว)
ในประเด็นนี้ "สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย" รองประธานวุฒิสภา ให้ความเห็นว่า โดยหลักแล้วรัฐธรรมนูญมาตรา 153 จะกำหนดให้กรณีที่เกิดการยุบสภาฯแต่มีร่างกฎหมายใดยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนทางนิติบัญญัติจะต้องตกไป เว้นเสียแต่รัฐบาลชุดใหม่หลังจากการเลือกตั้งจะขอความเห็นชอบจากรัฐสภาภายใน60วันเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณากฎหมายนั้นต่อ
"หมายความว่าถ้าร่างกฎหมายฉบับใดค้างอยู่ในขั้นตอนไหนของรัฐสภา สภาฯ หรือ วุฒิสภา คณะรัฐมนตรีก็ขอให้รัฐสภามีมติเดินหน้าต่อในกระบวนการที่ค้างอยู่ได้ แต่ถ้าเลยกำหนด 60 วันตามรัฐธรรมนูญกำหนดแล้วจะถือว่ากฎหมายนั้นตกไป" อดีตรองประธานส.ส.ร.ระบุ
ส่วนกรณีที่กฎหมายอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ "เสรี สุวรรณภานนท์" อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มองว่า อย่างร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และ ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะเป็นอย่างไร ระหว่าง 1.จำหน่ายคำร้องออกไปชั่วคราวเพราะเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวตกไปตามการประกาศยุบสภา 2.เดินหน้าพิจารณาคำร้องต่อ เพราะอาจเห็นว่าพระราชกฤษฎีกายุบสภาและกำหนดการเลือกตั้งไม่มีผลผูกพันต่อศาลรัฐธรรมนูญ
เสรี อธิบายอีกว่า ในระหว่างที่มีการยุบสภาฯเกิดกรณีที่ศาลวินิจฉัยให้ร่างกฎหมายตกไปก็ถือว่าจบ แต่ถ้าเป็นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญก็จะต้องเข้าสู่การประกาศใช้ ซึ่งศาลจะส่งความเห็นของศาลไปให้ประธานสภาฯหรือประธานรัฐสภาแล้วแต่กรณีเพื่อส่งต่อให้นายกรัฐมนตรีนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป แต่ปัจจุบันไม่มีประธานสภาฯและประธานรัฐสภาจะทำให้กระบวนการประกาศใช้กฎหมายต้องชะลอไปก่อนเพื่อให้รอมีการเลือกตั้งและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่และขออนุมัติจากรัฐสภาภายใน 60 วันตามมาตรา 153เพื่อเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายนั้นต่อไป
"ขณะที่ร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งวุฒิสภาได้ยับยั้งเอาไว้และรอให้สภาฯมาพิจารณาอีกหลังจากครบกำหนด 180 วันนั้นต้องถือว่าตกไปจากผลของการยุบสภาฯ เพราะเป็นกฎหมายที่ยังอยู่ในขั้นตอนของนิติบัญญัติ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลใหม่เห็นว่ากฎหมายนี้สมควรได้รับการพิจารณาต่อไปก็สามารถขอมติจากรัฐสภาได้ แต่ส่วนตัวมองว่าในทางการเมืองการจะพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมต่อมีความเป็นไปได้ยาก" อดีตรองประธานส.ส.ร.ทิ้งท้าย


