ทปอ.แนะทุกฝ่ายแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี
ทปอ.ออกแถลงการณ์ฉบับ2แนะทุกฝ่ายมีสติใช้ปัญญาแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีห่วงเกิดความรุนแรง ย้ำนิรโทษกรรมต้องไม่มีเรื่องทิจริตคอร์รัปชั่น
ทปอ.ออกแถลงการณ์ฉบับ2แนะทุกฝ่ายมีสติใช้ปัญญาแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีห่วงเกิดความรุนแรง ย้ำนิรโทษกรรมต้องไม่มีเรื่องทิจริตคอร์รัปชั่น
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้ประชุมวาระพิเศษเพื่อหารือถึงสถานการณ์บ้านเมือง โดยมี นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)ในฐานะประธานทปอ.,ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว.), นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.)และ นายกีร์รัตน์ สงวนไทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (มวล.) เข้าร่วม
ทั้งนี้ภายหลังการประชุมทปอ.ได้ ออกแถลงการณ์ฉบับที่2 โดยมีเนื้อหาดังนี้
หลังจากแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ทปอ. เห็นว่า สถานการณ์ปัจจุบันของประเทศมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วอันอาจนำมาซึ่งความรุนแรง และเมื่อทุกฝ่ายได้แสดงออกชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นในประเทศไทย ทปอ. จึงขอเสนอว่า
1.รัฐบาลมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ตลอดจนต้องมีความจริงใจในการแก้ปัญหาของประเทศมิให้เกิดความรุนแรง ด้วยการควบคุมหน่วยงานของรัฐและกลไกอื่นให้แก้ปัญหาอย่างสันติวิธี
2.ให้ทุกฝ่ายแก้ปัญหาด้วยสติและปัญญา หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้ประเทศเกิดความบอบช้ำและเพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขให้พัฒนาต่อเนื่องสถาพรตลอดไป
อย่างไรก็ตาม ทปอ. ยืนยันหลักการในเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเห็นว่า
1. รัฐบาลจะต้องรณรงค์ต่อต้านเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะต้องขจัดปัญหาความคลางแคลงใจของประชาชนในเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล
2. รัฐบาลต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนโดยการออกกฎหมายเพื่อกำหนดกรอบการนิรโทษกรรม แต่ต้องไม่รวมถึงการนิรโทษกรรมในประเด็นเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น ทั้งนี้ ทปอ. จะตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
นายสมคิด กล่าวว่าทปอ.ห่วงสถานการณ์ทางการเมืองอาจยืดเยื้อออกไป เพราะตอนนี้ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลได้ระดมคนมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะควบคุมได้ยาก จนทำให้เกิดการปะทะกันและถ้าไปบุกรุกในพื้นที่ควบคุม รัฐบาลอาจใช้กำลังได้ โดยความรุนแรงที่เกิดขึ้นอาจทำให้ประเทศเกิดความบอบช้ำ จึงอยากให้ทุกฝ่ายใช้สติปัญญา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความสงบ
ทั้งนี้ที่ประชุมมีข้อเสนอที่จะให้ทั้งสองฝ่ายหารือกัน และมีข้อเสนอให้ทปอ.เป็นตัวกลาง แต่ข้อเสนอของทปอ.ที่ทำอยู่ในปัจจุบันที่ให้ทุกฝ่ายใช้สติปัญญา และสันติวิถี เป็นทางออกที่ดีอยู่แล้ว ส่วนการที่ทั้ง2 ฝ่ายจะไปหารือกันก็เป็นสิ่งที่ดี
นอกจากนี้ สำหรับกรณีที่ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่าการที่อธิการบดีออกมาเคลื่อนไหวเป็นการไม่เหมาะสม และเป็นการบังคับให้นักศึกษาและบุคลากรออกมาเรียกร้องโดยไม่ได้สมัครใจนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่มีมหาวิทยาลัยใดบังคับนักศึกษา เจ้าหน้าที่ ซึ่งคนที่พูดอาจไม่เข้าใจสถานะที่แท้จริงของอธิการบดี และมหาวิทยาลัย เพราะมหาวิทยาลัยเป็นแหล่งวิชาการที่มีเสรีภาพ ไม่สมารถบังคับใครได้ ประชาชนทุกกลุ่ม นักศึกษา อาจารย์ เจ้าหน้าที่ออกมาเคลื่อนไหวเป็นเรื่องของความสมัครใจทั้งนั้น
สำหรับกระแสข่าวว่ามีดารา นักแสดง นักร้องที่ไปขึ้นเวทีราชดำเนิน เพื่อแสดงจุดยืนและกล่าวปราศรัยโจมตีรัฐบาล จนโดนเช็คบิลเรื่องภาษีนั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในระบบประชาธิปไตย รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา หากพูดอย่างแล้วทำอีกอย่างคนก็จะไม่เชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ทราบว่าเรื่องนี้ขยายวงไปถึงบรรดาอธิการบดีและสภามหาวิทยาลัยที่ใครออกมาแสดงการคัดค้าน ก็ถูกนำไปขึ้นป้ายบอกว่าท่านใดอยู่ที่ไหน
"แม้ว่ารัฐบาลจะมีการลงนามในสัตยาบรรณร่วมกันที่จะไม่นำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กลับมาพิจารณาอีก แต่ทปอ.ก็ยังไม่ไว้วางใจใคร เพราะไม่มีใครไว้วางใจได้ในสังคม และที่ผ่านมามีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลบอกจะไม่แก้ไขในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ก็มีการแก้ไข ดังนั้น ทปอ.ได้ตั้งคณะทำงาน เพื่อติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งสถานการณ์ของประเทศ และการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยมีอธิการบดีมหาวิทยาลัย 9 แห่ง ได้แก่ มธ. จุฬาฯ มศว. มม. มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมวล."นายสมคิดกล่าว
นพ.ภิรมย์ กล่าวว่า หวั่นว่าสถานการณ์จะบานปลายไปสู่ความรุนแรง เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นของตนเอง อย่างไรก็ตามหากเราสามารถก้าวผ่านจุดวิกฤตตรงนี้ไปได้ ประเด็นสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการคือปฏิรูปการเมือง อย่างเช่นเรื่องการออกกฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก หรืออาจจะต้องลงไปดูถึงเรื่องการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเรื่องการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมือง โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมือง แต่ก็ทำให้ส.ส.ขาดอิสระ ซึ่งก็อาจจะต้องมาทบทวนข้อดีข้อเสีย ทุกฝ่ายจะต้องมาช่วยกันหาระบบที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย และยืนยันว่า ที่ผ่านมา การแสดงออกทางการเมืองของนิสิต และบุคลากร สามารถทำได้ตามขอบเขตของกฎหมาย
นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ กล่าวว่า ขณะนี้แม้ว่ารัฐบาลทำสัตยาบันว่าจะไม่หยิบร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ออกมาพิจารณาอีก แต่ประชาชนบางส่วนก็ยังไม่เชื่อใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยาก ดังนั้นขอให้รัฐบาลใช้เครื่องมือและกลไกที่มีเพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดความรุนแรง ส่วนอนาคตต้องออกกฎหมายว่าต่อไป การนิรโทษกรรมในอนาคต ไม่ให้นิรโทษกรรมเรื่องทุจริตคอรัปชั่น แต่นิรโทษกรรมในเรื่องอื่น ๆ ได้ เพราะยังมีคนอีกมากที่อยู่ในเรือนจำที่ได้รับความเดือนร้อนและจำเป็นต้องได้รับการนิรโทษกรรม
“ในแถลงการณ์ของทปอ. บอกชัดเจนว่า รัฐบาลต้องปฏิบัติกับผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มเหมือนกัน ทั้งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนการชุมนุม การดูแลความปลอดภัย รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายอย่าเคลื่อนเข้ามาใกล้กันในทางกายภาพ ซึ่งขณะนี้ดีแล้วที่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่อยู่ใกล้กัน เพราะอาจจะเกิดการยั่วยุนำไปสู่ความรุนแรงได้ และต่อไปหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นก็อาจจะต้องมีสานเสวนาระหว่างสองฝ่ายเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ เหมือนเช่นตอนเหตุการณ์ชุมนุมที่ราชประสงค์ แต่ไม่ควรออกสื่อ โดยมีคนกลางที่ได้รับความเชื่อถือจากทั้งสองฝ่าย และรัฐบาลต้องอำนวยความสะดวกให้เกิดความเรียบร้อย”นายเฉลิมชัยกล่าว