เงียบ มืด เปลี่ยว ล่อแหลมอาชญากรรม

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

ภัยรูปแบบเดิมที่คุกคามอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หลายต่อหลายครั้งที่ประชาชนเดินดินผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่ออันโอชะของเหล่ามิจฉาชีพ เพียงเพราะความมืด เปลี่ยว ตามตรอกซอกซอยที่พวกเขาจำเป็นต้องเดินทางสัญจร และความมืด เปลี่ยวนี่เอง ที่กลายเป็นองค์ประกอบหลักของเหล่ามิจฉาชีพให้ก่อเหตุได้ประสบความสำเร็จ แต่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนอย่างยิ่งบนพื้นที่เมืองกรุงเทพมหานคร ฟ้าอมรที่ใครคิดเอาไว้ แต่เอาเข้าจริง อาชญากรรมก็มีมากพอสมควร

ที่เปลี่ยวหญิงสาวหลายคนต้องตกเป็นเหยื่อ ทั้งถูกจี้ ปล้น ฉกชิงวิ่งราวทรัพย์ หรือหนักเข้าก็ถูกลากเข้ารกเข้าพงพาไปข่มขืนกระทำมิดีมิร้าย เสียทั้งทรัพย์เสียทั้งตัว ไม่เว้นแต่เหล่าคุณผู้ชาย หลายครั้งก็ต้องตกเป็นเหยื่อเช่นกัน กับกลุ่มแก๊งที่เข้ามาจี้มาปล้นต่างๆ

ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า คุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ละวันต้องวัดดวง เผชิญโชคไปเท่านั้นหรือ หากวันไหนซวยก็ซวยไป ก็ต้องไปแจ้งความให้ตำรวจตามจับกุม จับได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของคนร้าย และฝีมือของตำรวจ

แต่ที่น่าสนใจ คือ มาตรการป้องกันก่อนเกิดเหตุ ก็ดูเหมือนจะสำคัญไม่ต่างจากงานปราบปราม ถึงวันนี้ตำรวจที่ดูเหมือนเป็นหน่วยหลักในการดูแลทรัพย์สินและชีวิตของประชาชน ต้องหาทางป้องกันไว้บ้างเสียแล้ว

พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานป้องกันและปราบปราม ชี้แนะว่า ปัญหาอาชญากรรมแต่ละพื้นที่ได้ประสานสั่งการให้สถานีตำรวจนครบาลทั้ง 88 สถานี ออกสำรวจจุดล่อแหลม หรือเสี่ยงต่อการเกิดเหตุอาชญากรรม ทั้งยังประสานกับทางกรุงเทพมหานครให้ดำเนินการช่วยติดตั้งไฟส่องสว่าง ตัดต้นไม้เพื่อปรับภูมิทัศน์ให้เกิดความปลอดภัยสุ่มเสี่ยงต่อกับการก่อเหตุ

นอกจากนี้ ยังมีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจออกตรวจให้ถี่ขึ้น โดยเฉพาะตามจุดเสี่ยงหรือล่อแหลมเกินไป อย่างเช่นตามป้ายรถประจำทางที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ นั่นจึงเป็นช่องสบโอกาสที่โจรผู้ร้ายเลือกลงมือก่อเหตุ

“ต้องยอมรับตำรวจที่มีอยู่ไม่เพียงและต้องรับผิดชอบหลายงาน ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลพยายามดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นหูเป็นตาให้กับตำรวจเฝ้าระวังเหตุ อย่างเช่นการดึงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่นั้นเข้ามาตั้งเป็นชมรม หรือรวมตัวกันสอดส่องดูแลพื้นที่บริเวณที่พักอาศัย รวมถึงไปถึงจุดเปลี่ยวที่อาจเกิดเหตุร้ายได้ เพราะอย่างน้อยโจรผู้ร้ายก็ไม่กล้าลงมือก่อเหตุ เพราะมีชาวบ้านช่วยตำรวจ แม้ว่ากำลังตำรวจจะน้อย แต่หากดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีในการป้องกันเหตุอาชญากรรม” รอง ผบช.น. กล่าว

การปรับเปลี่ยนเส้นทางภายในหมู่บ้านหรือจุดเปลี่ยวที่เข้าออกได้หลายทาง ก็เป็นอีกหนึ่งมาตรการระงับเหตุ อย่างเช่นซอยไหนที่สามารถเข้าออกได้หลายทาง อาจเป็นจุดอ่อนที่ทำให้กลุ่มคนร้ายเลือกก่อเหตุ เพราะมีทางเข้าออกหลายช่องทาง ตำรวจอาจประสานให้เปลี่ยนเป็นการเข้าออกเพียงทางเดียว โดยเฉพาะตามซอยอาจจัดตำรวจจราจรเข้าไปดูแลในส่วนนั้น อย่างน้อยก็ตัดช่องทางหนีของกลุ่มคนร้ายได้ ต้องยอมรับว่าในพื้นที่กรุงเทพมหานครกว้างใหญ่ตรอกซอยสามารถทะลุถึงกันได้หมด

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญ คือ การติดตั้งกล้องวงจรปิด ด้วยจำนวนตำรวจน้อยไม่สอดรับกับสภาพปัญหาในปัจจุบัน ทำให้การติดตั้งกล้องวงจรปิดมีบทบาทและสำคัญอย่างมากในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีทางกฎหมาย เพราะอย่างน้อยยังได้เห็นภาพลักษณะรูปพรรณที่คนร้ายก่อเหตุได้อย่างแม่นยำ ทำให้การสืบสวนสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

รอง ผบช.น. กล่าวเตือนประชาชนว่า อย่างแรกประชาชนต้องระมัดระวังตัวเองในการเดินทาง ไม่ควรไปในทางเปลี่ยวหรือมืดเกินไป รวมถึงอย่าใส่ของมีค่าหรือมีราคาแพง เพราะเป็นสิ่งล่อตาล่อใจให้คนร้ายสบโอกาสเลือกก่อเหตุได้ ยิ่งไปกว่านั้น อาจถึงขั้นได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกายของกลุ่มคนร้ายได้ ทางที่ดีที่สุดประชาชนต้องเตรียมพร้อมตัวเองเสมออย่าประมาท

ต้องดูแลตัวเองให้ดี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะได้เข้ามาดูแล ฝากให้ปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองเป็นสำคัญ จงระวัง!!