อย่าปากว่าตาขยิบ

รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ได้สร้างภาพมาตลอดว่าเป็นพรรคการเมืองที่มาจากรากหญ้า การดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลต้องการดึงให้คนรายได้น้อย คนด้อยโอกาสไม่มีปากเสียงในสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้โครงการที่ทำตามนโยบายต่างๆ เป็นโครงการเพื่อคนส่วนใหญ่ สร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวม

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ รัฐบาลกลับไม่ได้ทำตามที่กล่าวไว้ เช่นล่าสุดการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน โครงการบริหารจัดการน้ำ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีประชาชนทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านเขื่อนแม่แจ่ม เขื่อนแม่ขาน ออกมาแสดงพลังกันทั้งสองฝ่าย แต่เครือข่ายนักศึกษาและชาวบ้านใน จ.เชียงใหม่ หลายสถาบัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผนสร้างเขื่อนประมาณ 300 คน เดินทางมาคัดค้าน กลับโดนเจ้าหน้าที่ขัดขวางไม่ให้เข้าร่วมเวที ให้ส่งตัวแทนเพียง 10 คนเข้ารับฟัง ต่างจากชาวบ้านกลุ่มใหญ่ที่สวมเสื้อแดงเขียนชื่อ สส.เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เขต 3 เชียงใหม่ ได้รับความสะดวกให้เข้าร่วมประชุม

นอกจากนี้ ชาวปะเกอกะเญอ อ.สะเมิง ที่คัดค้านเขื่อน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตามแผนสร้างเขื่อน โดนไม่ให้เข้าฟัง โดยเจ้าหน้าที่อ้างไม่ได้ลงทะเบียนมาก่อน และทางคนเสื้อแดงได้เดินตามพร้อมตะโกนด่า รวมทั้งไล่ให้นักศึกษาลาออกจากมหาวิทยาลัยเข้าไปเรียนในป่า บางคนไล่ชาวปะเกอกะเญอไปเรียนภาษาไทยให้ชัดก่อนคัดค้าน

ความจริงที่ปรากฏดังกล่าวคงตอบรัฐบาลได้ว่า หากรัฐจะเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนแบบเลือกเฉพาะกลุ่มที่เห็นด้วยเท่านั้น วิธีการดังกล่าวฟันธงเลยว่า จะไม่สามารถสร้างความมีส่วนร่วมในนโยบายที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินนโยบายได้เลย ทั้งๆ ที่โครงการเขื่อนแม่แจ่ม นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ก็บอกแล้วว่า จะมีครอบครัวได้รับผลจากการสร้างเขื่อนต้องย้ายออกจากพื้นที่ประมาณกว่า 3,000 ครอบครัว เมื่อรัฐบาลไม่ฟังผู้เดือดร้อนหลายพันครอบครัว คาดการณ์ได้เลยว่าอนาคตโครงการเขื่อนแม่แจ่มย่อมต้องโดนคัดค้านรุนแรงมากและมากขึ้น จนอาจไม่สามารถก่อสร้างได้เหมือนหลายๆ โครงการ

อีกทั้งจะมีอีกหลายโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน นอกจากเขื่อน เช่น การสร้างฟลัดเวย์ รวมไปถึงโครงการระบบขนส่ง 2 ล้านล้านบาท ที่จะต้องมีการเวนคืนที่ดินอีกจำนวนมาก ย่อมกระทบต่อประชาชน

ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลจริงใจรับฟังความเห็นก่อนที่รัฐบาลจะสร้างความขัดแย้งให้ประเทศชาติไปมากกว่านี้ เพราะแค่ร่างกฎหมายนิรโทษที่ฉุดบ้านเมืองเข้าสู่วิกฤต รัฐบาลยังไม่คิดจะถ่ายทอดสดให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมรับฟังการถกเถียงทำให้เกิดความเข้าใจเลย