กต.ยันไทยมีสิทธิไม่รับอำนาจตัดสินศาลโลก
บัวแก้วยันไทยมีสิทธิไม่รับอำนาจศาลโลกแต่ยังเป็นภาคีตามกฎบัตรยูเอ็น พร้อมถ่ายทอดสดผลตัดสินช่อง 9-11 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป
บัวแก้วยันไทยมีสิทธิไม่รับอำนาจศาลโลกแต่ยังเป็นภาคีตามกฎบัตรยูเอ็น พร้อมถ่ายทอดสดผลตัดสินช่อง 9-11 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การที่มีบางกลุ่มเรียกร้องให้รัฐบาลไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก (ไอซีเจ) หลังศาลโลกเตรียมออกบัลลังก์ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ เพื่ออ่านคำตัดสินที่กัมพูชาร้องขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาเดิมเมื่อปี 2505 กรณีปราสาทพระวิหาร โดยอยากชี้แจงว่าประเด็นการเป็นภาคีศาลโลก และการยอมรับอำนาจศาลโลกหรือไม่นั้นต้องแยกออกจากกัน
ทั้งนี้ ข้อ 93 วรรค 1 แห่งกฏบัตรสหประชาชาติ ระบุว่า สมาชิกทั้งปวงของสหประชาชาติเป็นภาคีธรรมนูญแห่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศโดยพฤตินัย ย่อมหมายความว่าไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ย่อมมีผลให้ไทยเป็นภาคีศาลโลกโดยปริยาย เพราะฉะนั้นทางเดียวที่ไทยจะถอนตัวออกจากภาคีศาลโลกนั้น คือ ไทยต้องถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกยูเอ็น
ส่วนการยอมรับอำนาจศาลโลกหรือไม่นั้น ตามข้อ 36 ของธรรมนูญแห่งศาลโลก ระบุว่า รัฐที่เป็นภาคีศาลโลก สามารถประกาศรับอำนาจศาลแบบบังคับเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ต้องมีความตกลงพิเศษ แปลว่า รัฐที่เป็นภาคีธรรมนูญศาลโลกมีสิทธิที่จะรับหรือไม่รับอำนาจศาลโลก
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยได้ประกาศไม่รับอำนาจศาลโลก แต่กรณีนี้เป็นการขอตีความในคดีเดิม ที่ฝ่ายกัมพูชาฟ้องร้อง เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2502 แม้ไทยจะต่อสู้โดยแย้งว่าไม่รับอำนาจศาลโลก แต่ศาลโลกแย้งว่า ไทยได้ประกาศรับอำนาจศาลโลกไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2493 โดยมีระยะเวลา 10 ปี
ดังนั้น ในเวลานั้น จึงถือว่าไทยรับอำนาจศาลอยู่ ซึ่งรัฐบาลขณะนั้น แม้ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน แต่ก็ตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกยูเอ็น อย่างไรก็ดี การขอ “ตีความ” ครั้งนี้ของกัมพูชากรณีนี้ จึงถือว่าอำนาจศาลยังสืบทอดมาและมีผลอยู่ ไทยจึงต้องต่อสู้ มิฉะนั้นศาลโลกจะพิจารณาข้อมูลจากฝ่ายกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว
“การชี้แจงนี้ไม่ใช่เป็นการโต้แย้งกลุ่มใดหรือบุคคลใด กระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่รับผิดชอบต้องเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆให้ครบถ้วน และให้การต่อสู้คดีนั้นเป็นไปด้วยความโปร่งใสที่สุด เข้าใจดีว่ามีกลุ่มต่างๆมีข้อกังวลและข้อห่วงใย ถือเป็นสิทธิการแสดงออกภายใต้ระบอบประชาธิปไตย แต่ในช่วงที่ศาลโลกกำลังจะประกาศคำตัดสินในวันที่ 11 พ.ย. นี้ เรื่องทั้งหมดจึงควรเป็นไปตามข้อเท็จจริง เพราะคำตัดสินมีผลต่อผลประโยชน์ของชาติโดยรวม ภาพลักษณ์และเกียรติภูมิของไทยในสังคมโลก มีผลต่อความสัมพันธ์ต่อประเทสเพื่อนบ้านและการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมทั้งความผาสุขของประชาชนคนไทยและกัมพูชาตลอดแนวชายแดน”นายสีหศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม กระทรวงเกรงว่าจะมีคนบางกลุ่มนำเรื่องนี้มาผูกโยงกับผลคำตัดสินของศาลโลกเพื่อปลุกปั่นหรือไม่ นายสีหศัดิ์ กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นต่างๆต้องคำนึงว่าต่างประเทศ แม้กระทั่งศาลโลกก็ติดตามอยู่ แต่มีความเชื่อมั่นว่า การพิจารณาภายในประเทศจะเป็นไปตามข้อเท็จจริงต่างๆ จึงอยากให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงเรื่องนี้
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดการอ่านคำตัดสินในคดีดังกล่าวของศาลโลกได้ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ช่อง 9 และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 ในวันที่11 พ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00 เป็นต้นไป


