ศาลอุทธณ์ยกฟ้อง"เสี่ยขาว"ซานติก้า
ศาลอุทธณ์ยกฟ้อง "เสี่ยขาว" เจ้าของซานติก้าผับย่านเอกมัยในคดีเพลิงไหม้ แต่ยืนคุก 3 ปีบริษัทเอ็ฟเฟค พร้อมให้ชดใช้ผู้เสียหาย 8.7 ล้านบาท
ศาลอุทธณ์ยกฟ้อง "เสี่ยขาว" เจ้าของซานติก้าผับย่านเอกมัยในคดีเพลิงไหม้ แต่ยืนคุก 3 ปีบริษัทเอ็ฟเฟค พร้อมให้ชดใช้ผู้เสียหาย 8.7 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง 63 ศาลอาญาออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีเผาซานติก้าผับ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเสี่ยขาว กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส์ (2003) จำกัด ผู้บริหารซานติก้าผับ ,นายธวัชชัย ศรีทุมมา ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการ,นายพงษ์เทพ จินดา ผจก.ฝ่ายบันเทิง, นายวุฒิพงศ์ ไวลย์ลิกรี ผจก.ฝ่ายการตลาด, นายสราวุธ อะริยะ นักร้องวงเบิร์น ผู้จุดพลุไฟ , บริษัท โพกัสไลท์ ซาวน์ซิสเต็ม จำกัด ซึ่งรับจ้างติดตั้งการทำเอ็ฟเฟค ซานติก้าผับ และนายบุญชู เหล่าสีนาท กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท โพกัสไลท์ฯ เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานผู้ใดทำให้เกิดเพลิงไหม้เป็นเหตุให้ผู้อื่นทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและเป็นอันตรายกับชีวิตผู้อื่น , ผู้ใดกระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ผู้ใดกระทำการให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และผู้ใดกระทำการให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ตามประมวลกฎหมาย มาตรา 225 , 291, 300, 390 และกระทำผิด พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 16/1, 16/3.27 และ 28/1 ฐานเป็นผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการปล่อยปละละเลยให้บุคคลซึ่งอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปในสถานบริการ และปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการ มาตรา 291
กรณีเมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค. 51 ต่อเนื่องวันที่ 1 ม.ค. 52 พวกจำเลยได้กระทำการโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง จัดให้มีงานรื่นเริงให้บริการจำหน่ายอาหารสุรา เครื่องดื่ม การแสดงดนตรีรวมทั้งการแสดง แสง สี เสียง ในโอกาสฉลองเทศกาล วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ภายในตัวอาคารซานติก้าผับ ย่านเอกมัย ซึ่งภายในตัวอาคารไม่มีแบบแปลนแผนผังอาคารติดตั้งแสดงไว้ ไม่มีป้ายบอกทางหนีไฟ และไม่ได้ติดตั้งไฟฉุกเฉินให้มีจำนวนเพียงพอที่จะสามารถเปิดส่องสว่างแก่ลูกค้าเพื่อการหลบหนีออกจากตัวอาคารได้สะดวกและปลอดภัย
โดยอาคารมีพื้นที่ให้บริการลูกค้าที่สามารถจุคนได้ไม่เกิน จำนวน 500 คน แต่ขณะเกิดเหตุมีลูกค้าเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 คน โดยจำเลยที่ 5 ได้จุดพลุไฟที่บริเวณหน้าเวที ซึ่งมีความสูงประมาณ 5 เมตร จนเกิดลูกไฟขึ้นไปชนเพดานเวที ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่บริเวณเพดานเวทีและภายในตัวอาคารเป็นเหตุให้ลูกค้าผู้เข้าไปใช้บริการ ในอาคารถึงแก่ความตาย 67 คน บาดเจ็บสาหัส 32 คน บาดเจ็บอีก 71 คน
จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยจำเลย 1 ให้การปฏิเสธอ้างว่า ขณะเกิดเหตุไม่ได้เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทไวท์ แอนด์บราเธอร์ส์(2003) จำกัด ซึ่งบริหารร้านซานติก้าผับ ส่วนจำเลยที่ 6 และ 7 ต่อสู้คดีว่าเพลิงที่ลุกไหม้ไม่ได้เกิดจากเอฟเฟค
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ก.ย.54 โดยเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1,6 และ 7 เป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 อันเป็นบทหนักสุด ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และ 7คนละ 3 ปี และปรับจำเลยที่ 6 จำนวน 20,000 บาท และให้จำเลยที่ 6-7 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 4-6 เป็นเงินรายละ 1,540,000 บาท พร้อมทั้งให้โจทก์ร่วมที่ 7-8 เป็นเงินรายละ 2,040,000 บาท รวม 8,700,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2-5 ให้ยกฟ้อง ต่อมาจำเลยที่ 1, 6-7 ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้อง และโจทก์ยื่นอุทธรณ์จำเลยที่ 5
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า โจทก์ยื่นฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กระทำประมาท แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 แล้วเห็นว่าไม่ใช่ผู้ที่กระทำประมาทโดยตรงที่จะทำให้เหตุเพลิงไหม้ ลำพังที่จะฟังว่าให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าไปในสถานบันเทิงเกิน 500 คนก็ฟังไม่ได้ ซึ่งหากจำเลยที่ 1 จะมีพฤติการณ์ดังกล่าวก็เป็นเรื่องของการไม่ได้ติดแบบแปลนแผนผังของอาคาร ป้ายบอกทางหนีไฟ และติดไฟฉุกเฉินให้เพียงพอที่เป็นข้อปฏิบัติตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดนั้นสืบเนื่องจากการจุดเอฟเฟ็กต์ด้วยไฟฟ้าที่หน้าเวทีที่จำเลยที่ 6-7 ดูแล
โดยในชั้นนำสืบมีผู้เชี่ยวชาญด้านพลุและดอกไม้เพลิง เบิกความประกอบว่าพลุและดอกไม้เพลิงเป็นวัสดุต่างชนิดกัน ซึ่งดอกไม้เพลิงจะมีความร้อนสูงถึง 300 องศาเซลเซียล และต้องจุดในที่โล่งแจ้ง แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่าเมื่อมีการจุดเอฟเฟ็กต์แล้วประกายได้พุ่งขึ้นสู่เพดานจนเกิดเพลิงไหม้ โดยเริ่มตั้งแต่ด้านขวามือของเวที พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมานั้นรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 6-7 กระทำประมาท ส่วนนักร้องนำวงเบิร์น จำเลยที่ 5 ในชั้นนำสืบมีหลักฐานเป็นแผ่นดีวีดีบันทึกภาพที่ได้จากกล้องวีดีโอของพนักงานบริษัทที่ได้บันทึกการแสดงโชว์บนเวทีก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าไม่ได้มีการตัดต่อภาพ และไม่ปรากฏภาพว่าจำเลยที่ 5 ได้ถือกระบอกพลุและจุดตามคำเบิกความของพยานโจทก์บางปาก นอดจากนี้ ยังปรากฏว่าภายในอาคารมีแสงไฟสลัว ค่อนข้างมึด ประกอบกับมีนักท่องดที่ยวจำนวนมากยืนเบียดเสียดกัน จึงเป็นไปได้ที่พยานจะเห็นภาพในมุมที่ต่างกัน และอาจจะเข้าใจผิดได้ ซึ่งภาพที่ปรากฎในแผ่นดีวีดีพบเพียงแค่จำเลยที่ 5 ยืนถือไมค์เพียงมือเดียว ไม่ได้ก้มๆ เงยๆ ตามคำเบิกความของพยาน ซึ่งหากจะถือกระบอกพลุด้วยก็ต้องถือ 2 มือ พยานหลักฐานโจทก์ยังมีความขัดแย้งกัน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ทุกข้อหา และพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยที่ 5 โดยให้จำคุกจำเลยที่ 7 เป็นเวลา 3 ปี พร้อมให้จำเลยที่ 6-7 ชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วม 4-8 เป็นจำนวนเงิน 8.7 ล้านบาท
ภายหลังทนายความของนายบุญชู จำเลยที่ 7 ซึ่งวันนี้เดินทางมาฟังคำพิพากษาในชุดคนไข้สภาพแขนหักและมีอาการอิดโรยจากอาการท้องเสีย ได้เตรียมยื่นหลักทรัพย์ 5 แสนบาทเพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา ขณะที่นายวิสุข หรือเสี่ยขาว ได้เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
ด้านน.ส.มาลี ถนอมปัญญารักษ์ ญาติผู้เสียหาย ให้สัมภาษณ์หลังศาลยกฟ้องนายวิสุขว่า ยืนยันจะยื่นฎีกาต่อ เพราะต้องการให้ผู้บริหารซานติกาผับร่วมรับผิดชอบกับบริษัทที่ติดตั้งเอฟเฟ็กซ์ด้วย
ย้อนรอย "ซานติกา"
ซานติก้าผับ ถือเป็นแหล่งบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านถนนเอกมัย เขตทองหล่อ ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าไฮโซผู้มีชื่อเสียง ดารา ดีเจ และนักท่องเที่ยวยามราตรี จำนวนมากต่างแห่กันมาใช้บริการไม่ขาดสาย
ซานติก้าผับ เป็นอาคารเดี่ยวในพื้นที่ประมาณ 500 ตารางเมตร ปลูกอยู่ในพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ ยกระดับ 3 ชั้น เป็นชั้น 1 ชั้น 2 และชั้นใต้ดิน ตั้งอยู่เลขที่ 235/11 ซอยสุขุมวิท 63 เอกมัย ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ดำเนินการโดย บริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส (2003) จำกัด (White & Brothers (2003) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2546 ด้วยทุนจดทะเบียน 1.2 ล้านบาท และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2 ล้านบาท ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 ส่วนชื่อ ซานติก้า (SANTIKA) มาจากภาษาสเปน ที่แปลว่า ธรรมชาติที่สวยงาม
ต่อมาในช่วงปี 2551 เจ้าของที่ดินได้ยื่นคำขาดขอยกเลิกสัญญาเช่าที่ดินพื้นดังกล่าว และให้ปิดกิจการในวันที่ 31 ธันวาคม 2551 โดยทางซานติก้าผับได้แจ้งข่าวให้กับกลุ่มสมาชิกขาประจำทราบว่าจะมีการจัดคอนเสิร์ต "กู๊ดบายซานติก้า" เพื่อเคาท์ดาวน์ช่วงปีใหม่และปิดตัวถาวรของผับ แต่ได้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมเพลิงไหม้จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 64 ศพโดยในทางคดีตำรวจพยายามติดตามและมีการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
โดยคำพิพากษาตามลำดับจำเลยในคดีเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังพิพากษาศาลชั้นต้นไปเมื่อปี 2554 มีดังนี้
1. นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเสี่ยขาว กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส์ (2003) จำกัด ผู้บริหารซานติก้าผับ (จำคุก 3 ปี)
2. นายธวัชชัย ศรีทุมมา ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการ (ยกฟ้อง)
3. นายพงษ์เทพ จินดา ผจก.ฝ่ายบันเทิง (ยกฟ้อง)
4. นายวุฒิพงศ์ ไวลย์ลิกรี ผจก.ฝ่ายการตลาด (ยกฟ้อง)
5. นายสราวุธ อะริยะ นักร้องวงเบิร์น ผู้จุดพลุไฟ (ยกฟ้อง)
6. บริษัท โพกัสไลท์ ซาวน์ซิสเต็ม จำกัด ซึ่งรับจ้างติดตั้งการทำเอ็ฟเฟค ซานติก้าผับ (ปรับ 20,000 บาท และร่วมจ่ายสินไหมทดแทนในจำนวนเงิน 8.7 ล้านบาท)
7. นายบุญชู เหล่าสีนาท กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท โพกัสไลท์ฯ (จำคุก 3 ปี และร่วมจ่ายสินไหมทดแทนในจำนวนเงิน 8.7 ล้านบาท)


