สตาร์บังลั่นพร้อมสู้คดี

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนจากอังกฤษได้ติดตามข่าวความคืบหน้าที่บริษัท สตาร์บัคส์ ร้านกาแฟยักษ์ใหญ่จากสหรัฐยื่นฟ้องร้องร้านกาแฟรถเข็นรายเล็กยี่ห้อ “อาบัง” ในข้อหาลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของร้านกาแฟยักษ์ใหญ่จากสหรัฐ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 3 รายการ หนึ่ง เงินมูลค่า 3 แสนบาท สอง ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีจากเงิน 3 แสนบาท สาม ค่าปรับต่อเดือน 3 หมื่นบาท ล่าสุด ดำรงค์ มัสแหละ เจ้าของร้านกาแฟอาบังได้ประกาศลั่นแล้วว่าจะต่อสู้คดีกับบริษัทกาแฟยักษ์ใหญ่จากสหรัฐให้ถึงที่สุด

ดำรงค์ คุณพ่อลูก 6 ยังได้เปิดเผยกับสื่อชื่อดังจากเมืองผู้ดีต่อว่า โลโก้ของร้านเจ้าตัวถูกออกแบบโดยเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกัน และที่มาและแรงบันดาลใจของการสร้างแบรนด์สินค้าสตาร์บังที่เป็นประเด็นฟ้องร้องกันนั้นก็ไม่ได้มาจากสตาร์บัคส์ แต่มาจากศาสนาอิสลาม

“โลโก้ของผมคือฮาลาลที่มีพระจันทร์และดวงดาว ส่วนสีเขียวพื้นหลังที่เห็นคือสีของศาสนาอิสลาม และก่อนหน้าลูกค้าก็รู้จักร้านผมในนามบัง” ดำรงค์ กล่าวและว่า ก่อนหน้านี้สตาร์บัคส์กดดันให้ถอดโลโก้ออก แต่เจ้าตัวปฏิเสธคำร้องขอเสมอมา

เมนูกาแฟที่ร้านสตาร์บังได้รับความนิยม คือ กาแฟดำ ซึ่งขายในราคาแก้วละ 30 บาท โดยร้านดังกล่าวตั้งอยู่ที่ถนนพระอาทิตย์

เจ้าของร้านกาแฟอาบัง กล่าวว่า สูตรกาแฟที่ทำขายทั้งหมดเจ้าตัวคิดสูตรขึ้นเอง และยังเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษหลายคนที่ได้กลายเป็นเพื่อนกับเจ้าตัวไปแล้ว

นอกจากนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวจากแดนผู้ดีดังกล่าวก็จะเดินทางมาอุดหนุนกาแฟอาบังทุกครั้งที่มาเยือนประเทศไทย

วันเดียวกัน สำนักข่าวอิรวดีจากพม่า รายงานว่า ถึงแม้สหรัฐจะสามารถแก้ปัญหาการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางด้วยการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวไปจนถึงช่วงกลางเดือนปีหน้าได้สำเร็จเมื่อวันพุธที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ผู้อพยพชาวพม่าในแผ่นดินไทยที่กำลังมีแผนจะลี้ภัยไปอยู่ที่สหรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวอยู่ เนื่องจากขั้นตอนการขอลี้ภัยไปยังสหรัฐต้องหยุดทำการต่อไปอีกหนึ่งวัน

วิเวียน ตัน โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ใน กทม. เปิดเผยว่า เที่ยวบินส่งผู้ขอลี้ภัยชาวพม่าไปยังแผ่นดินของสหรัฐต้องถูกระงับลงชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลจากปัญหาข้อขัดแย้งทางการเมืองในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

“ผู้ร่วมงานของเราที่ทำงานด้านการขอลี้ภัยที่อยู่ในไทยได้แจ้งถึงผลกระทบที่มีต่อผู้ขอลี้ภัยแล้ว และปัญหาทุกอย่างจะสามารถแก้ไขลงได้ ถ้าภาวะการปิดตัวของหน่วยงานรัฐบาลกลางได้รับการแก้ไข” วิเวียน ตัน กล่าว

ขณะที่เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐในนครย่างกุ้งของพม่า กล่าวว่า แคมป์ผู้อพยพชาวพม่าที่อยู่ตามแนวชายแดนระหว่างพม่าไทยก็ต้องหยุดทำการชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะการปิดตัวลงของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐเช่นกัน

ทั้งนี้ แคมป์ผู้อพยพชาวพม่าที่อยู่ตามแนวพรมแดนระหว่างพม่ากับไทยมีชาวพม่าอาศัยอยู่ถึง 1.2 แสนคน ขณะที่ชาวพม่าที่ขอลี้ภัยไปยังประเทศที่สาม เช่น ยุโรป สหรัฐ แคนาดา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ประมาณ 8 หมื่นคน