เล็งขยายสะพานไทย-พม่า

พม่าลั่นพร้อมร่วมมือไทยซ่อมแซมและขยายสะพานมิตรภาพไทยพม่าแห่งที่ 1 แก้จราจรแออัด

นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย นายสุวัฒน์ พรหมสุวรรณ รอง ผวจ.ตาก นายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด พร้อมคณะ เดินทางไปยังจังหวัดเมียวดี ประเทศพม่า ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อนำเรื่องความคืบหน้าโครงการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนแม่สอด ให้ทางนายติ้นเว่ยโต่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดี ทราบ

ทั้งนี้ ทางฝ่ายไทยได้แจ้งกับฝ่ายพม่าว่า ทางการไทยกำลังขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จ.ตาก ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าเดือน ต.ค.นี้จะแล้วเสร็จ จากนั้นจะมีแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษออกมา เพื่อเสนอรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง คาดว่า อ.แม่สอด จะเป็นเขตเศรษฐกิจแห่งแรกของประเทศไทย

นายวงศ์ศักดิ์ เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวได้รับมอบหมายจากนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ให้เป็น ประธานในคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพื้นที่ชายแดน ทั้งหมด 14 แห่งทั่วประเทศ ในส่วนของ อ.แม่สอด จะครอบคลุมในพื้นที่ อ.พบพระ และ อ.แม่ระมาด ด้วย ซึ่งจากนี้ไปฝ่ายไทยจะประสานพม่าเพื่อพัฒนาพื้นที่ชายแดนไปด้วยกัน ตลอดจนรองรับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558

ด้านนายติ้นเว่ยโต่ง กล่าวว่า ทางการพม่ามีความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาพื้นที่ชายแดน และเห็นด้วยกับการดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงและขยายสะพานแห่งที่ 1 เป็นสะพานคู่ขนาน เพราะทุกวันนี้บริเวณพื้นที่สะพานมิตรภาพไทยพม่า แห่งที่ 1 เกิดชำรุด แออัดไปด้วยคนและสินค้า ทำให้ไม่เป็นสากล จึงควรเร่งแก้ไขโดยเร็ว ส่วนฝ่ายพม่ามีความพร้อมทุกด้านหากไทยเริ่ม ก็จะขับเคลื่อนทันที

“ปัจจุบันบริเวณสะพานมิตรภาพไทยพม่า ประสบปัญหาความแออัดอย่างมาก เนื่องจากมีทั้งรถยนต์ รถบรรทุกขนส่ง รถสองแถว รถตู้ รถขนส่งสินค้า จอดเต็มไปทั่ว ตลอดทั้งวิ่งไปมา ทำให้การจราจรแออัดอย่างมาก ดังนั้นหากทางการไทยต้องการซ่อมแซมปรับปรุงและขยายสะพานดังกล่าว ทางเราก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดี กล่าว

ขณะที่ด่านชายแดนไทยลาวที่บ้านห้วยโก๋น ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน พร้อมเข้าสู่เออีซีตามยุทธศาสตร์ 3 เอส ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าของประชาชนทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งชาวไทยและชาวลาวได้นำสินค้าต่างๆ มาวางจำหน่ายและซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากัน ช่วงเฉพาะวันเสาร์มีเงินสะพัดหลายสิบล้านบาท ซึ่งด่านแห่งนี้จะเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.

นอกจากนี้ทุกวันเสาร์เวลา 08.00-12.00 น. จะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างพ่อค้าแม่ค้าไทยและลาวทั้งด้านการเกษตรและพืชผักสวนครัว ของบริโภคพื้นบ้านและของป่า มาแลกเปลี่ยนค้าขายกันคึกคัก