posttoday

เรื่องของอุทยานวิทยาศาสตร์

07 สิงหาคม 2556

ผู้เขียนเชื่อว่าท่านผู้อ่านส่วนใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในวงการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี จะไม่ค่อยได้ยินหรือรู้จักเรื่องของอุทยานวิทยาศาสตร์ หรือ Science Park อาจมีบ้างที่จะได้ยิน แต่ก็น่าจะเป็นเรื่องของ Software Park มากกว่า อาจเป็นเพราะคนไทยทั่วไปจะใกล้ชิดกับเรื่องของ Software มากกว่าเรื่องของวิทยาศาสตร์โดยทั่วๆ ไป

ผู้เขียนเชื่อว่าท่านผู้อ่านส่วนใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในวงการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี จะไม่ค่อยได้ยินหรือรู้จักเรื่องของอุทยานวิทยาศาสตร์ หรือ Science Park อาจมีบ้างที่จะได้ยิน แต่ก็น่าจะเป็นเรื่องของ Software Park มากกว่า อาจเป็นเพราะคนไทยทั่วไปจะใกล้ชิดกับเรื่องของ Software มากกว่าเรื่องของวิทยาศาสตร์โดยทั่วๆ ไป

ผู้เขียนเอง ถ้าไม่ได้มารับผิดชอบกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ก็คงจะไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องอุทยานวิทยาศาสตร์นัก ยิ่งชื่อที่แปลมาจากภาษาอังกฤษยังไม่สะท้อนให้เห็นบทบาทที่แท้จริงของอุทยาน ฟังแล้วเหมือนว่าถ้าเข้าไปในอุทยานแล้วจะเห็นผลิตผลทางวิทยาศาสตร์มากมายตั้งแสดงอยู่ เหมือนไปอุทยานแห่งชาติที่เขาใหญ่เพื่อไปส่องสัตว์ป่า อย่างไรก็อย่างนั้น ยิ่งเมื่อผู้เขียนได้เข้ามาคลุกคลีมากขึ้น ก็ได้เห็นบุคลากรที่เกี่ยวข้องเป็นผู้มีความสามารถสูง แต่เกือบทั้งหมดจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่อยู่ในสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี หรือบุคลากรที่ทำงานอยู่กับหน่วยงานภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์ บุคคลภายนอกและเอกชนน้อยนักที่จะทราบ อาจพอมีอยู่บ้างก็คือ SME (Small and Medium Enterprise) ที่เข้าไปรับความช่วยเหลือ หรือบริษัทใหญ่ๆ บางบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา แต่ก็ยังมีบริษัทอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับทราบหรือมีส่วนร่วมในอุทยานดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพราะหากอุทยานฯ เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากเท่าใด ก็จะมีเอกชนมาลงทุนในการวิจัยมากเท่านั้น ซึ่งก็จะเป็นไปตามนโยบายและแผนวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ต้องการให้เอกชนลงทุนในงานวิจัยเพิ่มขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ที่จริงการที่อุทยานวิทยาศาสตร์เป็นที่รู้กันเฉพาะในแวดวงมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ผู้รู้บางท่านอาจจะบอกว่าในต่างประเทศเขาก็เป็นเช่นนี้ แต่ในต่างประเทศนั้น นักธุรกิจหรือบริษัทใหญ่ๆ เขามีมุมมองแนวคิด ตลอดจนค่านิยมต่างจากนัธุรกิจหรือบริษัทใหญ่ๆ จำนวนมากของไทย ในต่างประเทศนั้นนักธุรกิจหรืออุตสาหกรรมจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยค่อนข้างมาก ทั้งด้านการวิจัย การให้ทุน หรือแม้แต่เป็น Venture Capital หรือ Angel’s Fund แต่ในประเทศไทยเรื่อง Angel’s Fund ไม่ต้องพูดถึง เพราะยังไม่มี Venture Capital นั้นพอมีบ้าง แต่ก็น่าจะคนละมุมมองกับต่างประเทศ ดังนั้น การหวังให้เอกชนลงทุนในการวิจัย หรือเข้าไปตั้งในอุทยานฯ เพิ่มขึ้นมากๆ นั้น น่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหากต้องการให้มีการลงทุนจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้นมากๆ ชนิดที่มีสัดส่วนกับรัฐบาลแบบกลับตาลปัตรกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็ต้องเป็นเอกชนรายใหญ่ๆ จึงจำเป็นต้องให้เขาทราบและคุ้นเคยกับอุทยานฯ พอสมควร โดยเฉพาะให้เห็นประโยชน์ว่าจะได้อะไร

โดยสรุปอุทยานวิทยาศาสตร์น่าจะมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของภาคเอกชนในการแข่งขันในตลาดโลก โดยนำวิทยาศาสตร์เทคโยโลยีและนวัตกรรมมาเป็นปัจจัยสำคัญ นอกจากนี้อุทยานฯ ยังเป็นที่ตั้งของการทำวิจัยระหว่างอุทยานฯ เอง มหาวิทยาลัย และ/หรือบริษัทต่างๆ อุทยานฯ จึงต้องประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สำหรับประเทศไทยอุทยานวิทยาศาสตร์ตั้งมา 10 กว่าปีแล้ว คือ ในปี พ.ศ. 2545 โดยตั้งอยู่แถวๆ รังสิต มีเนื้อที่ประมาณ 200 กว่าไร่ และประกอบด้วย สำนักงานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแห่งชาติ หรือเป็นที่รู้จักดีในชื่อ สวทช. ศูนย์วิจัย 4 แห่ง และศูนย์บริหารจัดการด้านเทคโนโลยี มีพนักงานถึง 2,500 คน โดยเป็นนักวิจัยมากกว่า 1,600 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้จบระดับปริญญาเอกถึง 450 คน ผู้เขียนจึงเห็นว่าน่าเสียดายมากที่อุทยานวิทยาศาสตร์นี้ยังเป็นที่รู้จักน้อยเมื่อเทียบกับหน่วยงานทางสังคมหรือเศรษฐกิจอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังมีหน่วยบ่มเพาะสำหรับธุรกิจเริ่มตั้ง และยังมีพื้นที่ให้เช่าระยะยาว มีห้องทดลองต่างๆ และมีหน่วยงานอื่นๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าไปตั้งอยู่ รวมทั้งโรงงานทดลองด้วย ซึ่งก็ปรากฏว่ามีบริษัทต่างๆ เข้าไปเช่าอยู่ประมาณ 200 บริษัท แต่ถ้าดูเป็นบริษัทใหญ่ๆ น่าจะไม่ถึง 10% อย่างไรก็ตาม อุทยานฯ ของไทยก็ยังเตรียมขยายตัวในอนาคตด้วย ซึ่งนอกจากจะขยายตัวเฉพาะในส่วนของอุทยานฯ ที่รังสิตแล้ว ยังจะมีการเปิดอุทยานวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศด้วย ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยทั้งสามแห่งจะเปิดพื้นที่และวิจัยเรื่องเกษตรและอาหาร นอกนั้นก็จะแตกต่างกันไป ตามปัจจัยหรือทรัพยากรที่มีอยู่ในแต่ละภูมิภาค

นอกจากอุทยานฯ ที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาลแล้ว ไทยยังมีอุทยานที่ตั้งขึ้นโดยเอกชนด้วย คล้ายการนิคมอุตสาหกรรม แต่มีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วยซึ่งหากได้รับการสนับสนุนที่ดีจากรัฐบาลก็น่าจะไปได้ดี

ยังมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุทยานวิทยาศาสตร์อีกมาก โดยเฉพาะเมื่อระยะหลังนี้ บริษัทใหญ่ๆ ของไทยได้รับแรงกดดันจากการแข่งขัน และเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นในการลงทุนทางด้านวิจัยและพัฒนามากขึ้น อุทยานวิทยาศาสตร์จึงน่าจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญตัวหนึ่ง

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันอังคารที่ 16 ธ.ค. 68