posttoday

ตุ๋ยเด็กเพศวิปริตหรือจิตเสื่อม

22 เมษายน 2553

มีบางพวกนะฮะที่วี้ดว้ายกะตู้ฮู้จนขนหัวลุก เรียกได้ว่าคนที่แรงๆ เป็นกะเทยระดับตัวแม่ยังต้องสะอึก

มีบางพวกนะฮะที่วี้ดว้ายกะตู้ฮู้จนขนหัวลุก เรียกได้ว่าคนที่แรงๆ เป็นกะเทยระดับตัวแม่ยังต้องสะอึก

โดย...ธนก บังผล

          สิ่งสำคัญพ่อแม่ต้องคอยถามความคิดเห็นว่าถ้าเจอแบบนี้ลูกจะทำอย่างไรจะรู้ได้อย่างไรว่าคนเขามาล่อลวงอย่าให้แต่ข้อมูลอย่างเดียว ต้องคอยถามลูกด้วยว่าคิดอย่างไร เช่น ถ้ามีคนแปลกหน้ามาให้ลูกอม หรือเลี้ยงไอศกรีมถ้าสลบขึ้นมา มีการล่อลวงอย่างนี้แล้วลูกถูกทำร้ายลูกคิดอย่างไร
          รสนิยมทางเพศนั้น ต้องยอมรับว่าจะไปบังคับใครให้มาฝักใฝ่เหมือนเราไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้นอิสรภาพทางการแสดงออกซึ่งความเป็นตัวของตัวเอง ก็ได้ทำให้เกิดเพศที่สามขึ้นมาในสังคม แต่ก็มีบางพวกนะฮะที่วี้ดว้ายกะตู้ฮู้จนขนหัวลุก เรียกได้ว่าคนที่แรงๆ เป็นกะเทยระดับตัวแม่ยังต้องสะอึก 
          คงไม่มีข่าวไหนที่จะเรียกความอดสูให้สังคมได้มากมายเท่ากับคดีพ่อข่มขืนลูกในไส้ และหากว่าลูกในไส้นั้นเป็นผู้ชายก็ยิ่งทำให้ใครหลายคนรับไม่ได้ นี่คือเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นแล้ว เมื่อประมาณปี 2550-2551
          หนูน้อยเพศชายวัย 4 ขวบ ถูก "พ่อ" และ "พี่ชายต่างมารดา" บังคับข่มขืนทางทวารหนักเกินกว่า 5 ครั้งกว่าผู้เป็นแม่จะรู้เรื่องต่ำทรามที่เกิดขึ้น หนูน้อยก็บอบช้ำจนเกินบรรยาย
          เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ ด.ช.จอน (นามสมมติ) อายุ4 ขวบ ถูกพ่อและพี่ชายต่างมารดาข่มขืน จากเด็กที่นิสัยร่าเริง กลายสภาพเป็นซึมเศร้า เมื่อแม่พบเห็นลูกมีอาการซึมเศร้าจึงเค้นถาม หนูน้อยยอมเปิดปากเล่าให้แม่ฟังว่า ถูก "พ่อ" และ "พี่ชาย" ล่วงละเมิดทางทวารหนัก
          เธอจึงตัดสินใจแจ้งตำรวจจับกุม "พ่อ" รวมทั้ง "พี่ชายต่างมารดา" ดำเนินคดีทันที ผลการสอบปากคำ จึงทราบว่า "ด.ช.จอน" ถูกล่วงละเมิดทางทวารหนักไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
          ตำรวจจึงแจ้งข้อหา ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นซึ่งเป็นผู้สืบสันดาน ร่วมกันกระทำชำเราเด็กซึ่งเป็นผู้สืบสันดานอายุไม่เกิน 13 ปี อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหรือกระทำกับชายในลักษณะเดียวกัน และเด็กนั้นไม่ยินยอมอันเป็นการกระทำการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก
          ปีที่แล้วตำรวจก็สามารถรวบช่างเย็บผ้าตุ๋ยเด็กเร่ร่อนย่านสะพานพุทธได้ หลังถูกจับสารภาพติดใจรสสวาทประตูหลัง เมื่อครั้งเคยโดนชำเราในคุก เกย์ช่างเย็บผ้าคนนี้ คือ นายสุทัศน์ ภูผา อายุ 48 ปี อาศัยอยู่ย่านพาหุรัดมีพฤติกรรมอัดถั่วดำเด็กเร่ร่อน
          โอ้...แม่เจ้า ชายทั้งแท่งยังโอ่อีกว่า บ้านมีฐานะร่ำรวยเคยมีเมียแต่เลิกกันแล้ว เมื่อพ้นโทษมาเกิดติดอกติดใจในประตูหลัง จนกะจะเปิดบ้านเพื่อมาทำเป็นฮาเร็มหาผู้ชายมาร่วมเสพให้สมอารมณ์หมาย
          พฤติกรรมทรามนี้เริ่มจากมอมกาวเด็กเร่ร่อนจนเมาจากนั้นบังคับให้ร่วมเพศทางทวารหนัก บางคนก็ถูกบังคับให้ใช้ปากจนสำเร็จความใคร่ เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา นายมนตรี สินทวิชัย เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก จึงได้พาตัวเด็กชาย 4 คน อายุประมาณ 12-15 ปี เข้าแจ้งความที่ สน.พระราชวัง เพื่อดำเนินคดีกับช่างเย็บผ้าวิปริต
          นายสุทัศน์รับสารภาพว่าระหว่างที่อยู่ในคุกถูกนักโทษชายในคุกด้วยกันกระทำชำเราทางทวารหนักจนเกิดความชื่นชอบ เมื่อพ้นโทษออกมาก็คิดจะเปิดบ้านเป็นฮาเร็ม พาผู้ชายมาร่วมหลับนอนแต่ที่บ้านไม่ยอมจึงต้องออกมาหาที่อยู่เอง และหาเด็กๆ มาร่วมเพศทางทวารหนักเรื่อยมา
          แต่ที่สยองสุดๆ คงจะหนีไม่พ้นข้อมูลที่นักสังคมสงเคราะห์ได้เข้าไปสอบปากคำเด็กๆ ทั้ง 4 ราย เพราะ1 ในนั้นมีอาการติดเชื้อเอดส์ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีเด็กเร่ร่อนย่านสะพานพุทธอีกกว่า 10 ราย ที่ถูกผู้ต้องหาล่วงละเมิดทางเพศ อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบปากคำ
          พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์(ผกก.2.บก.ปคม.) ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานที่เข้าไปจับกุมผู้ต้องหาคดีพ่อตุ๋ยลูกในไส้ เล่าเท้าความถึงวันที่ทำคดีนี้ว่านางแอนนา ชาวสวีเดน เดินทางมาประเทศไทยแล้วพบรักกับนายสม ผู้ต้องหา โดยที่นายสมเองก็มีลูกติดจากภรรยาเดิมอายุ 17 ปี 
          ต่อมาทั้งคู่ก็พากันไปทำธุรกิจที่ประเทศสวีเดน พร้อมทั้งมีลูกด้วยกันหนึ่งคน คือ ด.ช.จอน ช่วงที่อยู่สวีเดนนายสมได้เคยล่วงละเมิดด้วยการตุ๋ย ด.ช.จอนมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยนางแอนนาได้แจ้งความตำรวจสวีเดนดำเนินคดีกับนายสมไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อพ้นโทษออกมาก็เลยพากันกลับมาที่ประเทศไทย
          จนกระทั่งพ่อชั่วรายนี้ ได้ชักชวนลูกชายอายุ17 ปี มาร่วมตุ๋ยน้องชายอายุ 4 ขวบ ซึ่ง พ.ต.อ.วรพงษ์ มองว่า คดีข่มขืนกระทำชำเรากับผู้สืบสันดานจะได้รับโทษสูง จำคุกประมาณ 15 ปี คนที่ก่อเหตุเช่นนี้ เป็นโรคจิตเบี่ยงเบน รักร่วมเพศ ชอบไม้ป่าเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่กับจิตใจคน
          สำหรับคดีที่สะอิดสะเอียนไม่แพ้กัน ต้องที่อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ค้นเจอรูปภาพของพวกนี้ที่ถ่ายไว้เป็นพันๆ รูป เก็บไว้ในลังเบียร์ 7-8 ลังเยอะมาก
          พฤติกรรมของคนร้ายที่ว่านี้ คือเป็นหัวหน้าคณะคาบาเรต์ พอเห็นเด็กหนุ่มชั้น ม.1-ม.2 เดินผ่านประมาณ 10 คน ก็เรียกให้เข้ามาช่วยยกของพอเดินเข้าห้องก็ล็อกประตูทันที ไม่ให้ออก แล้วล่วงละเมิดทางเพศทีละคนๆ จนหมดแล้วให้เงินคนละ 20-50 บาท 
          "ถามว่าจะให้หลีกหนีพวกนี้อย่างไรก็พูดยากพวกนี้พอเราเห็นหน้าก็รู้ หน้าตาจะไม่เหมือนพวกเราๆ หรอก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกรักร่วมเพศเหล่านี้อันตรายทุกคน หรือห้ามเข้าใกล้ บางคนก็เป็นคนดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ การให้ความรักความอบอุ่น และการให้ความรู้ในสิ่งที่ถูกที่ควร"
          ขอย้ำว่าความอบอุ่นในครอบครัวนั้นสำคัญมากการให้ความรู้กับลูกในความถูกต้อง ไม่ใช่ไปยุส่งลูกให้เป็น ให้รู้และตัดสินใจเองว่าอันไหนควรอันไหนไม่ควร โดยการเลี้ยงดูในครอบครัว มีอีกกรณีหนึ่งที่น่าคิดคือ หากแม่มีการข่มพ่อ หรือทำให้เด็กรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงดีกว่า ก็อาจเป็นจุดเริ่มของการเข้าไปอยู่และสุงสิงกับเพศที่สามมากขึ้น
          นอกเหนือไปจากนี้ เรื่องการไว้วางใจคนแปลกหน้าที่เพียงหลอกล่อเอาขนมมาให้กินแล้วชวนไปเที่ยวบ้าน อย่างในคดีที่เกิดขึ้นกับช่างเย็บผ้าเกย์นั้นผู้ปกครองต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง หมั่นสอดส่องสอบถามลูกหลานแต่ละวันว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่หากพบว่าเด็กมีพฤติกรรมที่ผิดไป อาทิ เศร้าหมองไม่สดใสตามวัย มีลักษณะการหวาดวิตก ต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือในทันที
          เวลานี้คนเป็นเกย์ เป็นกะเทยออกนอกหน้ากันมาก เกือบครึ่งประเทศก็ว่าได้ บางคนมีลูกมีเมียมารู้ตัวเองว่าชอบแบบไหนก็ตอนอายุมาก ชอบตอนแก่ก็มีให้เห็นเยอะ !!!!
          พ่อแม่ต้องหมั่นคุยกับลูก
          นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เตือนภัยให้แก่ผู้ปกครองระวังบุตรหลานไม่ให้ตกเป็นเหยื่อตุ๋ยว่า ผู้ปกครองสามารถใช้สื่อที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์ภาพข่าวจากโทรทัศน์ มาถกประเด็นกับลูกๆ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ผลเสียอย่างไร และควรป้องกันอย่างไร
          ทั้งนี้ พ่อแม่ต้องใช้สื่อให้เป็นประโยชน์หรือรู้เท่าทันสื่อ โดยเอาภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ตัดออกมา แล้วเอามาคุยกัน เพราะเด็กในวัยเรียนสามารถรับรู้เป็นเหตุเป็นผลได้แล้วถ้าเป็นวัยรุ่นก็คุยได้มากขึ้น อาจจะมีการสมมติกันว่า ถ้ามีใครคนหนึ่งมาชักชวนลูก มันเริ่มส่อแววจับเนื้อต้องตัว ใช้วิธีการล่อหลอกลูกควรจะปฏิเสธอย่างไร ลุกออกอย่างไร และขอความช่วยเหลืออย่างไร
          "ถ้าเป็นเด็กปฐมวัยอาจต้องใช้วิธีเล่าเป็นนิทาน เด็กประถมสามารถใช้เป็นบ้านไม้รูปภาพ เมื่อเด็กๆ อยู่ในจินตนาการ พ่อแม่เล่นไปด้วย สมมติบทบาทตัวละครเอาเหตุการณ์ในปัจจุบันมาสอนไปพร้อมกัน เด็กจะเข้าใจง่ายขึ้น"
          อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นพ่อแม่อาจจะเอาละครน้ำเน่าที่ตบตีแย่งสามีกันหรือหาจากอินเทอร์เน็ตมาถกประเด็นกันว่าควรทำอย่างไร สิ่งสำคัญพ่อแม่ต้องคอยถามความคิดเห็นว่าถ้าเจอแบบนี้ลูกจะทำอย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่าคนเขามาล่อลวงอย่าให้แต่ข้อมูลอย่างเดียว ต้องคอยถามลูกด้วยว่าคิดอย่างไร เช่น ถ้ามีคนแปลกหน้ามาให้ลูกอม หรือเลี้ยงไอศกรีม ถ้าสลบขึ้นมามีการล่อลวงอย่างนี้แล้วลูกถูกทำร้าย ลูกคิดอย่างไร    

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"