แจ้งจับบริษัทตีเช็คเด้งซื้อสินค้าสูญ3ล้าน
กลุ่มผู้ประกอบการโร่แจ้งจับบริษัทหลอกลวงสั่งซื้อสินค้าแต่กลับออกเช็คเด้งให้เสียหายกว่า 3 ล้าน
กลุ่มผู้ประกอบการโร่แจ้งจับบริษัทหลอกลวงสั่งซื้อสินค้าแต่กลับออกเช็คเด้งให้เสียหายกว่า 3 ล้าน
เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นางสิริวรรณ บุญทองงาม อายุ 46 ปี ผู้แทน หจก.พงดึกค้ากระสอบ ตั้งอยู่เลขที่ 14 หมู่ 3 ต.พงดึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พร้อมกลุ่มผู้เสียหายรวม 17 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธงชัย อยู่เกษ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.2 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นางประไพ ธัญญเจริญ เจ้าของบริษัท พี.ดี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 78/4 หมู่ 6 ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ในความผิดข้อหาฉ้อโกง โดยนำเช็ค ใบเสร็จรับเงิน และเอกสารการส่งสินค้า มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นางสิริวรรณ กล่าวว่า ได้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระสอบพลาสติก เมื่อประมาณเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หจก.ของตนได้รับการติดต่อจากบริษัทดังกล่าว สั่งซื้อกระสอบพลาสติก รวมเป็นเงิน 277,344 บาท มีการจัดส่งของให้พร้อมกับรับเช็คภายในวันเดียวกัน แต่หลังจากผ่านไป 2-3 วัน เมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินกับทางธนาคารจึงได้รับแจ้งว่าเช็คดังกล่าวไม่สามารถขึ้นเงินได้ จึงตามไปที่บริษัทแห่งนี้ พบว่าเป็นอาคารพาณิชย์ที่ถูกเช่าเป็นสำนักงานและใช้เป็นที่เก็บสินค้า แต่เมื่อตนไปถึงก็พบว่ามีการปิดสำนักงานหนีไปแล้ว ภายในก็ไม่มีสินค้าของตน โดยถูกขนออกไปทั้งหมด รวมทั้งสินค้าของผู้เสียหายรายอื่นด้วย
นางสิริวรรณ กล่าวอีกว่า ต่อมาได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี รวมทั้งติดต่อกับทางธนาคาร เพื่อหาข้อมูลของบริษัทแห่งนี้ จึงพบผู้เสียหายอีกหลายราย ที่ต่างเป็นผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าหลายประเภท ซึ่งถูกบริษัทดังกล่าวหลอกลวงเช่นกัน รวมมูลค่าเสียหายกว่า 3 ล้านบาท โดยสินค้ามีตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ ไปจนกระทั่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่ เช่น ลู่วิ่งไฟฟ้า ปั๊มลม รถโฟล์คลิฟท์ อุปกรณ์พ่นขัดสีรถยนต์ อาหารสัตว์สำเร็จรูป ซิลิโคน โทรศัพท์ไอโฟน ฯลฯ จากนั้นจึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความที่ บก.ป.แม้ว่าที่ผ่านมา จะไม่ค่อยพบติดตามจับกุมขบวนการเหล่านี้ได้ แต่ตนก็ยังอยากแจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐาน และป้องกันไม่ให้มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามผู้เสียหายหลายรายเกี่ยวกับพฤติการณ์ของคนร้าย พบว่ามีการใช้ชื่อนางประไพ ธัญญเจริญ จดทะเบียนเปิดบริษัทดังกล่าวกับกระทรวงพาณิชย์ แต่เมื่อตรวจสอบชื่อจากข้อมูลทะเบียนราษฎร์ พบว่ามีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.สุพรรณบุรี และมีผู้ที่ชื่อและนามสกุลตรงกันถึง 5 คน เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน ส่วนอาคารที่มีการเช่าทำสำนักงานนั้น มีคนงานทั้งหมด 3 คน โดยผู้ที่เป็นคนติดต่อซื้อสินค้า เป็นชายที่อ้างว่าชื่อ นายกิติชัย เป็นน้องของนางประไพ แต่ผู้เสียหายก็ไม่เคยพบตัวทั้งสองแต่อย่างใด และเมื่อสั่งสินค้าก็จะออกเช็คให้ ซึ่งการหลอกซื้อสินค้าดังกล่าวเกิดขึ้นภายใน 10 วัน คนร้ายจะนำสินค้าที่ได้รับมาระบายออกไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ สำหรับกรณีของเลขที่เช็คธนาคารที่สั่งจ่ายให้ผู้เสียหาย ก็มีเลขที่ต่างกันมาก จนเชื่อได้ว่ามาจากเช็คคนละเล่ม แต่ในความเป็นจริงการออกสมุดเช็คนั้นหากหมดเล่มแล้วต้องนำต้นขั้วมาแสดงกับธนาคารเพื่อออกเช็คเล่มใหม่ รวมทั้งยังมีผู้เสียหายที่เคยรับเช็คจากบริษัทแห่งนี้เช่นกัน แต่เป็นคนละชื่อ โดยเป็นชื่อนางสำรวย จันทร์มิตร ที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นเมื่อปี 2555
ด้าน พ.ต.ท.ธงชัย กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้เสียหายไว้ในเบื้องต้น ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป


