"บิ๊กแจ๊ด"ยันไม่ผิด..มีวันนี้เพราะพี่ให้
"แม่ของผมเป็นครูสอนจริยธรรม เรื่องนี้ผมรู้ดี ทำไมจะไม่รู้เรื่องจริยธรรมว่าหมายถึงอะไร"
โดย..กัญติพิชญ์ ใจบุญ
ภายหลังผู้ตรวจการแผ่นดินส่งหนังสือถือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.อ.อมรินทร์ อัครวงษ์ จเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้พิจารณาและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และประมวลจริยธรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชากาตำรวจนครบาล(ผบช.น.) บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ตามประกาศของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประดับยศและอวยพรตำแหน่งผบช.น.นั้น เหมาะสมหรือไม่ จนเป็นที่มาของวลีที่ว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้”
ด้วยเหตุผลที่ผู้ตรวจการฯ เห็นว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาจทำให้เกิดข้อครหาในกระบวนการยุติธรรมที่อาจถูกมองว่ามีความไม่เป็นกลางเกิดขึ้น และให้ผบ.ตร.รายงานผลตรวจสอบใน 30 วัน ส่งผลให้กระแสการโยกย้ายสับเปลี่ยนตัวผบช.น.ก็จุดติดขึ้นมาอีกครั้ง
แต่คนอย่าง “บิ๊กแจ๊ด” ก็ไม่ได้กลัว เพราะยืนยันหนักแน่นเสียงแข็งบอกเจตนารมณ์เดิมว่า “ผมไม่ผิด”
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แถลงเปิดใจว่า เรื่องติดยศทราบมาว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ก็มีการตรวจสอบไปแล้ว ก็แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาว่ามีผลอย่างไร แต่จะบอกเหมือนเดิมว่า การประดับยศเป็นประเพณี ตั้งแต่ยศร.ต.ต.หลายคนก็มีผู้บังคับบัญชาประดับยศให้ เป็นประเพณีไทยว่าให้ผู้ที่เคารพนับถือประดับยศ ตนเองไม่ได้มีเจตนาอื่น ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ที่เคารพนับถือประดับยศให้ ก็เลยคิดว่า ท่านทักษิณ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่ และตลอดเวลาที่ทำงานกับท่านก็สั่งสอนให้ทำงานให้ประชาชนรัก ให้ตำรวจรัก แล้วจะก้าวหน้า แค่นั้น ตนก็ยึดถือคำสอนและทำมาเรื่อย
“ผมคุยกับแม่ของผม ซึ่งเป็นครูสอนจริยธรรม เรื่องนี้ผมรู้ดี ทำไมจะไม่รู้เรื่องจริยธรรมว่าหมายถึงอะไร ผมก้าวมาในตำแหน่งนี้ไม่เคยมีทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ได้วิ่งเต้นซื้อตำแหน่งเข้ามา ดังนั้นผมรู้ดีว่าผมทำอะไร”
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ บอกเป็นนัยๆ ว่า ใครก็ตามที่ไปร้องเรียน หรือส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาเอาผิด หรือดำเนินการทางวินัย ยืนยันว่าไม่โกรธแค้นอะไร ไม่อาฆาต และขอให้ทำกันเร็วๆ อย่าชักช้า เพราะเหลืออายุราชการอยู่เพียง 14 เดือน อยากจะเห็นเหมือนกันว่าจะมีผลอย่างไร หากเห็นว่าผิดก็ยินดีจะเดินออกไป จะได้ไปทำงานมูลนิธิของตนเอง ไปรักษาคนไข้เพราะจะได้บุญเยอะๆ
“มาถามผมโกรธแค้นหรือเปล่า ผมไม่โกรธแค้น ผมจะไปแค้นใคร หากแค้นผมก็อโหสิให้ทุกคน เพียงแต่สงสัยว่า หลายเหตุการณ์มันประจวบเหมาะ ตั้งแต่ผู้พิพากษาท่านหนึ่งเข้ามาด่าทอผม มาปาข้าวใส่รถยนต์ของผม ต่อมาผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องตรวจสอบผมอีก อีกทั้งในสัปดาห์หน้าจะมีการแต่งตั้งโยกย้าย ทุกอย่างเข้าล็อกหมด แต่ก็ไม่มีอะไร ผมไม่ยึดติด สบายมาก” บิ๊กแจ๊ดกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องติดยศนั้น ยืนยันว่าไปให้พ.ต.ท.ทักษิณ ติดยศให้จริง แต่ไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเคารพชื่นชอบพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงให้ติดยศให้ หากไปให้คนที่เกลียดติดยศให้สิถึงจะแปลก แต่ทั้งนี้ หากจะตัดสินว่าผิดจริยธรรมอย่างไรก็รับได้ จะได้เป็นบรรทัดฐานกันว่าต่อไปตำรวจจะให้ใครติดยศให้ต้องดูดีๆ แต่ก็เชื่อว่าความเป็นธรรมต้องมีจะต้องเกิดขึ้น หากบ้านเมืองไม่มีความเป็นธรรมแล้ว จะอยู่กันอย่างไร
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ บอกอีกว่า ถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกเหตุการณ์ที่เกิดกับตนเองจะต้องมีการโยงเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องด้วย ยิ่งใกล้ฤดูโยกย้ายก็ต้องมีเรื่อง ก็ได้แต่ทำใจ เป็นตำรวจหน้าที่หลักคือต้องรับใช้ประชาชน ต่อไปก็ต้องทำงานทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ต่อให้ทำดีแค่ไหนก็ยังมีข้อสงสัยตามมาอยู่เรื่อย อย่างเช่นคดีนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ตำรวจก็ทำตามหน้าที่ อ่านเกมอ่านแผนประทุษกรรมของคนร้าย ดูเส้นทางทั้งหมดว่าทำอย่างไร พอเราอ่านเกมออกและจับคนร้ายได้ ก็มาว่าจับได้เร็ว มีพิรุธเสียอีก นี่ขนาดได้ทั้งศพ ได้ทั้งคนร้ายยังถูกประณาม
“ส่วนเรื่องที่ว่าคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณหรือยังนั้น ผมยังไม่ได้คุย และไม่รู้ว่าท่านอยู่ไหน มัวแต่วุ่นหลายๆ คดี รวมทั้งคดีทุบกระจกรถที่ระบาดก็พยายามจะจับให้ได้ เดี๋ยวนี้ทันสมัยนะผมจะจี้คดีทางไลน์ (โปรแกรมแชตทางโทรศัพท์มือถือ) มีเหตุอะไรก็สั่งลูกน้องทางไลน์ไป ไปดูยัง ที่เกิดเหตุเป็นไง ส่งรูปมา ถ้าจำเป็นก็ไปดู เอาระบบนี้มาให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ตอนนี้คดีเกี่ยวกับทรัพย์มันเยอะ รถหายก็ต้องป้องกัน เรื่องอื่นผมยังไม่อยากจะสนใจ” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย


