"บีอาร์เอ็น"ขู่ล้มเจรจาเรื่องไม่ง่ายภายใต้แรงบีบมาเลย์
กระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างตัวแทนฝ่ายไทยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น กำลังก้าวสู่หัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เมื่อ “ฮาซัน ตอยิบ”
โดย...ธนพล บางยี่ขัน
กระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างตัวแทนฝ่ายไทยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น กำลังก้าวสู่หัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เมื่อ “ฮาซัน ตอยิบ” ตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็นเผยแพร่คลิปคำประกาศของแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (บีอาร์เอ็น) ครั้งที่ 4 ผ่านเว็บไซต์ยูทูบ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เนื้อหาสำคัญอยู่ที่การยื่นเงื่อนไขถึงรัฐบาลไทย ดังนี้ 1.ให้ถอนกำลังทหารและทหารพรานจากกองทัพภาค 13 รวมทั้งตำรวจที่มาจากส่วนกลางออกจากดินแดนปาตานี (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 5 อำเภอใน จ.สงขลา) 2.แม่ทัพภาคที่ 4 ต้องถอนทหารและทหารพรานออกจากเขตหมู่บ้านในปาตานี ให้อยู่ในค่ายใหญ่ของแต่ละหน่วย 3.ถอนกำลังตำรวจและตำรวจตระเวนชายแดนออกจากเขตหมู่บ้านในปาตานี
4.ปล่อยบรรดาอาสารักษาดินแดนที่นับถือศาสนาอิสลาม ไม่ให้ประจำการตลอดช่วงเดือนรอมฎอน เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถปฏิบัติศาสนกิจและสามารถใช้ชีวิตกับครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์ 5.นักล่าอาณานิคมสยามไม่สามารถทำการโจมตี การสกัดถนน และการจับหรือควบคุมตัวอย่างเด็ดขาด และ 6.นักล่าอาณานิคมสยามไม่สามารถจัดกิจกรรมทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับเดือนรอมฎอนได้
เงื่อนไขทั้งหมดนี้ “ฮาซัน” ย้ำว่าขอบเขตและเงื่อนไขดังกล่าวต้องมีการลงนามโดยนายกรัฐมนตรีไทย และต้องประกาศในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ก่อนเข้าสู่เดือนรอมฎอนตามปฏิทินอิสลาม โดยเงื่อนไขและขอบเขตเหล่านี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 รอมฎอน 1434 ฮิจเราะห์ศักราช ถึงวันที่ 10 ชาวัล 1434 ฮิจเราะห์ศักราช
คำถามสำคัญคือ เหตุใดข้อเสนอทั้งหลายเหล่านี้จึงไม่ปรากฏออกมาระหว่างการเจรจาสันติภาพ ครั้งที่ 3 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งที่เวลานั้นข้อเรียกร้องจากฝ่ายไทยเรื่องการยุติเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน ดูจะได้รับการขานรับอย่างดีจากทุกฝ่าย
แต่เงื่อนไขที่เพิ่มขึ้นมารอบนี้เป็นทางออกที่ดี เมื่อรู้ทั้งรู้ว่าข้อเรียกร้องสุดโต่ง ให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ถอนกำลังจากพื้นที่ชายแดนภาคใต้ กลับไปประจำอยู่ค่ายใหญ่ของแต่ละหน่วยนั้น ฝ่ายไทยไม่มีทางยอมปฏิบัติ ยังไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขเรื่องที่ต้องให้ “นายกรัฐมนตรีไทย” เป็นผู้รับรองลงนาม
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เปรียบเปรยว่าข้อเสนอให้ถอนทหารก็เหมือนขับรถเข้าซอย และส่งสัญญาณไม่เอาด้วยเด็ดขาด พร้อมผุดทางเลือกใหม่ที่จะพูดคุยกับกลุ่มอื่นๆ ต่อไป
สอดรับกับท่าทีของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่ประกาศชัดว่ารับไม่ได้กับเงื่อนไขนี้
ที่สำคัญในคลิปล่าสุด “ฮาซัน” ยังรุกคืบเสนอข้อเรียกร้องให้นำข้อเรียกร้อง 5 ข้อของบีอาร์เอ็นที่เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ ไปพิจารณาขอความเห็นชอบจากรัฐสภาของไทย ไม่เช่นนั้นจะไม่มีการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยและกลุ่มบีอาร์เอ็นต่อไป
ข้อเรียกร้องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ จึงเหมือนสร้างเกราะป้องกันตัวเองของกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่รู้ตัวดีว่าการจะออกมาการันตีความสงบในพื้นที่ช่วงเดือนรอมฎอนนั้นเป็นเรื่องยาก
อีกทั้งที่ผ่านมาตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็นที่มาเจรจากับทางฝ่ายไทย ยังเป็นที่กังขาว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะควบคุมกลุ่มบีอาร์เอ็นด้วยกันเองหรือกลุ่มก่อความไม่สงบอื่นๆ ได้มากน้อยแค่ไหน ดังจะเห็นจากข้อมูลของสภาที่ปรึกษา ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่รายงานว่าตั้งแต่เริ่มลงนามการพูดคุยสันติภาพปลายเดือน ก.พ.เป็นต้นมา สถิติความรุนแรงเพิ่มขึ้นเท่าตัว
แม้จะมีการพูดคุยกันมาถึง 3 รอบแล้ว และแถลงการณ์ร่วมของทั้งสองฝ่ายหลังการพูดคุยครั้งล่าสุดคือ ลดความรุนแรงในเดือนรอมฎอน แต่เหตุป่วนรายวันยังมีให้เห็น ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมายังเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายระเบิดรถกระบะหุ้มเกราะของเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ประจำค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จน พ.ต.อิทธิพล คำมงคล ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือนฯ เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอีก 5 คน
เพียงข้ามคืนก็มีป้ายข้อความผุดขึ้นในหลายพื้นที่ด้วยข้อความเดียวกันว่า “หากไม่หยุดการจับกุมผู้บริสุทธิ์ นี่คือการตอบโต้”
ยิ่งหากย้อนไปดูถึงที่มาที่ไปของการประกาศตัวออกมาเป็นตัวแทนเจรจากับฝ่ายไทยนั้นก็เป็นเพราะการประสานงานแกมบังคับของสันติบาลมาเลเซีย ท่ามกลางเสียงสะท้อนเป็นห่วงว่าอาจไม่สามารถตอบโจทย์แก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง
ฮาซัน เคยยอมรับในการพูดคุยกับฝ่ายไทยว่า บีอาร์เอ็นประกอบด้วยหลายกลุ่ม และไม่มั่นใจว่าจะคุมทุกกลุ่มได้
ความรุนแรงที่ยังคงเกิดขึ้นเป็นประจักษ์ว่า ในขบวนการบีอาร์เอ็นด้วยกันเองก็มีความแตกแยกทางความคิด เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการทำข้อตกลงกับรัฐบาลไทย
แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นคำขู่ถอนตัวจากการพูดคุยของบีอาร์เอ็นนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะอย่าลืมว่างานนี้รัฐบาลมาเลเซียออกหน้ารับเป็นผู้อำนวยความสะดวก ดาโต๊ะซัมซามิน อัสซิม ตัวแทนของรัฐบาลมาเลเซียนั้น อ้างคำพูดของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ว่า มาเลเซียไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน แต่พร้อมจะช่วยให้ร่วมกันหาทางออกอย่างสันติ
แกนนำทั้งรุ่นอาวุโสและรุ่นใหม่ของบีอาร์เอ็นนั้น หันหลังพิงมาเลเซียมาโดยตลอด ที่พักพิงก็ล้วนอยู่ในมาเลเซีย จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะแข็งข้อต่อรัฐบาลมาเลเซีย ข้อเรียกร้องสุดโต่งให้ไทยถอนทหารและท่าทีแข็งกร้าวล้มการพูดคุยของ ฮาซัน ตอยิบ อาจมองได้ว่าเป็นการทำเพื่อเอาใจกลุ่มสุดโต่งในขบวนการบีอาร์เอ็น อย่างน้อยก็โชว์ความเป็นปึกแผ่น เพื่อใช้เป็นจุดแข็งในการพูดคุยกับฝ่ายไทย
เพราะถ้าหากจะล้มกระบวนการพูดคุยจริง สภาองค์กรนำคงสั่งให้ ฮาซัน ตอยิบ ประกาศลาออกจากการเป็นตัวแทนของบีอาร์เอ็นในกระบวนการพูดคุยสันติภาพไปแล้ว ในภาวะที่ถูกบีบล้อมจากมาเลเซีย บีอาร์เอ็นเหลือทางเดินไม่มากนัก
กระบวนการพูดคุยสันติภาพจึงใช่ว่าจะตีบตัน เพียงแต่การเจรจาต่อรองเริ่มมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ


