posttoday

สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน พระสังฆราชที่มากด้วยพระเมตตาธรรม

23 มิถุนายน 2556

สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน เป็นสมเด็จพระสังฆราชที่ประชาชนชาวไทยจดจำได้มาก จะพบว่าพระนามสมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน ยังได้รับการเอ่ยถึง เป็นการเชิดชูความมีเมตตาธรรมสูง

โดย...สมาน สุดโต

สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน เป็นสมเด็จพระสังฆราชที่ประชาชนชาวไทยจดจำได้มาก จะพบว่าพระนามสมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน ยังได้รับการเอ่ยถึง เป็นการเชิดชูความมีเมตตาธรรมสูง ขนาดที่ไก่เถื่อน หรือไก่ป่ายังเชื่อง

เมื่อดำรงตำแหน่งสูงสุด กลายเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์แรกที่เป็นพระวิปัสสนาฝ่ายอรัญวาสี เป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์แรกที่ได้มีการหล่อพระรูปขึ้นในรัชกาลที่ 3 และถ้าดูประวัติ ท่านเกือบจะไม่ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ถ้าหากพระเถระที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 2 ทรงหมายมั่นปั้นมือไว้ คือ พระพนรัตน์ จากวัดสระเกศ ที่แห่มาประทับวัดมหาธาตุ เตรียมตัวเป็นสมเด็จพระสังฆราชไม่ต้องอธิกรณ์ เพราะชอบเด็กผู้ชายเสียก่อน จนต้องถูกถอดสมณศักดิ์แล้วเนรเทศไปอยู่ชานเมือง คือ วัดไทรทอง หรือวัดเบญจมบพิตร

เมื่อไม่มีตัวเลือก สมเด็จพระญาณสังวร ซึ่งเป็นที่นับถือของพระราชวงศ์ จึงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช แต่ทรงอยู่ในตำแหน่งได้ 1 ปี 10 เดือน ก็สิ้นพระชนม์ นับพระชันษาได้ 90 ปี

ตามประวัติ ท่านเป็นคนมีภูมิลำเนาที่บ้านท่าข่อย นอกกำแพงเมืองกรุงศรีอยุธยา ประสูติเมื่อ พ.ศ. 2276 ในแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ

เป็นพระอธิการอยู่วัดท่าหอย ริมคลองคูจาม กรุงศรีอยุธยา มีเกียรติคุณด้านวิปัสสนา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงอาราธนาให้มาประทับที่วัดพลับ หรือปัจจุบันคือ วัดราชสิทธาราม และทรงตั้งสมณศักดิ์ให้เป็นสมเด็จพระญาณ สังวร เพื่อช่วยรับภาระทางพุทธศาสนา

ส่วนวัดพลับมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดราชสิทธาราม ในสมัยรัชกาลที่ 3

อาจารย์พระราชวงศ์

ความที่เป็นพระเถระที่ได้รับการเคารพนับถือจากพระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 เรื่อยมา ชื่อของท่านจึงปรากฏในจดหมายเหตุรัชกาลที่ 1 และ 2 ว่า ทรงเป็นพระอุปัธยาจารย์ เจ้านายหลายพระองค์ เช่น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ ในรัชกาลที่ 2 ขณะที่ทรงดำรงพระอิสริยยศที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเสนานุรักษ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เมื่อผนวช ณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ (วัดมหาธาตุ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ กรมพระราชวังบวรสถาน พิมุข เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าชายทับ เป็นพระอาจารย์ สมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎสมมติเทววงศ์ ขณะผนวชเป็นสามเณรที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

บุญถึงอะไรก็ขวางมิได้

เมื่อสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2362 นั้น พระเถระที่อยู่ในข่ายจะได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชมีอยู่แล้วคือ สมเด็จพระพนรัตน์ (อาจ) วัดสระเกศ จึงโปรดให้มีการแห่มาประทับวัดมหาธาตุฯ ก่อนที่จะมีการสถาปนา แต่เวลาล่วงเลยมา 11 เดือนก็ยังไม่ได้สถาปนาเพราะเกิดโรคห่าในกรุง เมื่อทุกอย่างสงบก็จะทำการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชตามที่ทรงปรารถนาไว้ แต่ในขณะนั้นก็มีการกล่าวหาสมเด็จพระพนรัตน์ (อาจ) ว่าที่สมเด็จพระสังฆราช ว่ามีประพฤติมิชอบไปคบหากับเด็กผู้ชายจนเกินเลย จึงทรงตั้งคณะสอบสวนได้ความจริงตามที่กล่าวหา จึงให้ถอดเสียจากสมณศักดิ์แล้วเนรเทศให้ไปอยู่นอกเมือง คือ วัดไทรทอง ปัจจุบันคือวัด เบญจมบพิตร และมรณภาพที่นั่น

เมื่อไม่มีพระเถระที่โดดเด่นจะเป็นประมุขสงฆ์ต่อไป จึงต้องไปอาราธนา สมเด็จพระญาณสังวร (สุกไก่เถื่อน) วัดพลับ ให้มาดำรงตำแหน่งนี้ จึงได้มีการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช ในวันพฤหัสบดี ขึ้น 2 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะโรง หรือวันที่ 7 ธ.ค. 2363 เป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พิสูจน์ว่าบุญถึงอะไรก็ขวางไม่ได้

พระเกียรติคุณ

ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งประมุขสงฆ์องค์ที่ 4 นั้น ทรงสร้างคุณูปการให้แก่คณะสงฆ์มาก เป็นต้นว่าจัดการสังคายนาการสวดมนต์ โดยแปลจากอักษรขอมเป็นอักษรไทย ตรวจชำระให้ถูกต้อง แล้วแปลออกเป็นภาษาไทย นับเป็นครั้งแรกที่มีการแปลบทสวดมนต์เป็นไทย จึงเป็นธรรมเนียมให้บางวัดสวดมนต์แปลขึ้นถึงปัจจุบัน

ในสมัยของสังฆราชองค์ที่ 4 นี้ การวิปัสสนากรรมฐานเฟื่องฟู เมื่อมีสมเด็จพระสังฆราชทรงมีชื่อเสียงด้านนี้ ประกอบกับประมุขของประเทศ คือ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรด เช่นจัดให้มีพระบอกกรรมฐานประจำอารามต่างๆ โดยทรงโปรดเกล้าฯ พระกรรมฐานทั่วราชอาณาจักรมารับเครื่องอัฐบริขารในพระบรมมหาราชวังใน พ.ศ. 2364 และทรงแต่งตั้งให้เป็นพระอาจารย์บอกกรรมฐานประจำวัด ที่เลือกได้ในครั้งนั้น 76 องค์

พระนามขจรไกล+อมตะ

ปัจจุบันผู้คนทั่วไปยังจำพระนามสมเด็จพระสังฆราชจากฝ่ายอรัญญวาสีองค์นี้ได้ เมื่อนึกถึงสมเด็จพระสังฆราชจะต้องนึกถึงสมเด็จพระสังฆราชสุกไก่เถื่อนได้ก่อนเสมอเพราะทรงมีเมตตาจิตสูง ทำให้ไก่เถื่อน (ไก่ป่า) เชื่องได้

นอกจากนั้นยังทรงสร้างพระเครื่องไว้หลายแบบ ที่เรียกกันว่าสมเด็จ เช่น สมเด็จพระอรหังและพระสมเด็จวัดพลับ ซึ่งเป็นที่มาของสมเด็จวัดระฆังของสมเด็จพระพุฒาจารย์โตในเวลาต่อมา

ส่วนสมณศักดิ์ สมเด็จพระญาณสังวร นั้นเป็นสมณศักดิ์ที่ไม่ได้พระราชทานให้แก่พระเถระรูปใดอีกเลย จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมา 150 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันจึงสถาปนาพระสาสนโสภณ (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศให้ดำรงฐานันดรที่สมเด็จพระญาณสังวร วันที่ 5 ธ.ค. 2515 เป็นรูปที่ 2 แห่งรัตนโกสินทร์ เมื่อได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ก็โปรดให้คงพระนามสมเด็จพระญาณสังวรไว้ตามเดิม สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน จึงมีพระนามว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นปีที่ 24

เมื่อสมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน สิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2365 พระชันษา 90 ปี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชทานโกศทองใหญ่ให้ทรงพระศพ นับเป็นเกียรติยศสูงส่งเทียบกับพระเจ้าอยู่หัวหรือพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งไม่มีพระเถระรูปใดได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ได้รับเกียรติยศเช่นนี้ในเวลาก่อนหรือหลังจากนั้น จึงเป็นพระสังฆราชองค์แรกที่ได้รับเกียรติยศ

หลังจากพระราชทานเพลิงศพบนเมรุผ้าขาวที่ท้องสนามหลวง ได้โปรดให้หล่อรูปเหมือนบรรจุอัฐิไว้ที่วัดพลับ 1 องค์ รัชกาลที่ 3 ให้หล่อขนาดย่อมนำไปประดิษฐานที่หอพระนาคอีก 1 องค์ และอีกองค์หนึ่งให้นำไปประดิษฐาน ณ พระอุโบสถวัดมหาธาตุฯ แต่ไม่ทันได้นำมาประดิษฐาน ก็สวรรคตเสียก่อน รัชกาลที่ 4 จึงโปรดให้นำมาประดิษฐานในพระอุโบสถวัดมหาธาตุฯ เมื่อแรม 2 ค่ำ เดือน 4 พ.ศ. 2395 และเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนทั่วไปจนถึงทุกวันนี้

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68