posttoday

เทนนิคหลบฟ้าผ่า เปรี้ยง...แต่ไม่โดน

14 มิถุนายน 2556

โดย...ทีมข่าวในประเทศ

โดย...ทีมข่าวในประเทศ

2-3 วันที่ผ่านมา ทั่วทุกพื้นที่ถูกกระหน่ำด้วยสายฝนและเสียงคำรามจากฟ้าผ่า สร้างความหวาดผวาโดยเฉพาะคนที่ต้องติดฝนอยู่กลางที่โล่งแจ้ง คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนาให้ความรู้เรื่อง “ฟ้าผ่า ภัยธรรมชาติที่มาพร้อมฤดูมรสุม” พร้อมทั้งแนะวิธีการปฏิบัติตัวในช่วงฝนฟ้าคะนอง

สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่า การตายที่มีสาเหตุจากฟ้าผ่าเกิดขึ้นทุกปี เฉพาะปีนี้ก็คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 30 คน และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหากมีความรู้ความเข้าใจปรากฏการณ์นี้ก็จะลดความสูญเสียไปได้มาก

สธน ให้ข้อมูลว่า ฟ้าผ่าเกิดจากเมฆคิวมูโลนิบัส หรือเมฆฟ้าคะนอง เมื่อหยดน้ำในเมฆมีขนาดใหญ่มากจนไม่สามารถต้านแรงดึงดูดของโลกไว้ได้ จะเริ่มตกลงสู่พื้นดิน เป็นกระแสอากาศไหลลง (Downdraft) การเกิดทั้งกระแสลมพัดขึ้นและลงนี้จะทำให้เกิดการแยกประจุบวกและลบภายในก้อนเมฆขึ้น โดยด้านบนของเมฆจะเป็นประจุบวกและด้านล่างซึ่งเป็นฐานเมฆจะเป็นประจุลบ แต่เนื่องจากฐานเมฆอยู่ใกล้กับพื้นดินมาก จึงเกิดการเหนี่ยวนำให้สิ่งของต่างๆ ทั้งต้นไม้ บ้านเรือน ตึก คน บริเวณใต้ฐานเมฆเป็นประจุบวก ประจุลบที่ฐานเมฆจะเคลื่อนที่ลงมายังพื้นดินที่เป็นประจุบวก เกิดเป็นฟ้าผ่าขึ้นในที่สุด

นอกจากนี้ ลักษณะของฟ้าผ่ายังเกิดขึ้นได้หลายชนิดด้วยกัน เช่น การเกิดฟ้าผ่าจากฐานเมฆลงสู่พื้น จากเมฆสู่เมฆ ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นภายในเมฆเอง หรือฟ้าผ่าจากยอดเมฆลงสู่พื้น เรียกว่า Positive Lightning การเกิดฟ้าผ่าชนิดนี้รุนแรงมาก เนื่องจากสามารถผ่าได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร นั่นคือ แม้ว่าเหนือศีรษะเราอาจไม่มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น แต่ก็มีโอกาสถูกฟ้าผ่าชนิดนี้ได้เช่นกัน

สธน กล่าวว่า ธรรมชาติของสายฟ้ามักจะผ่าลงในที่โล่งและมีวัตถุสูงเด่นในบริเวณนั้น ดังนั้นความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าของคนในเมืองจะมีน้อยกว่าคนที่อยู่ในที่โล่งแจ้งหรือกลางทุ่งนา เนื่องจากในเมืองมีตึกสูงจำนวนมาก และตึกเหล่านี้มักติดตั้งสายล่อฟ้าอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะมีความเสี่ยงน้อยแล้วจะปลอดภัย เพราะในเมืองก็มีที่โล่ง เช่น สวนสาธารณะต่างๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่ ดังนั้นเมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนองก็ไม่ควรเสี่ยง หลบเข้าอาคารบ้านเรือนจะปลอดภัยกว่า

“วิธีสังเกตคือ เมื่อมีฟ้าแลบแล้วจะมีเสียงฟ้าร้องตามมาภายใน 3 วินาที แสดงว่ามีฟ้าผ่าเกิดขึ้นในรัศมี 1 กิโลเมตร ยิ่งถ้าฟ้าแลบแล้วมีเสียงร้องตามมาใน 1 วินาที แสดงว่าอยู่ใกล้มากแค่ประมาณ 300 เมตรเท่านั้น มันมีความเสี่ยง ให้หยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วรีบเข้าไปอยู่ในที่ปลอดภัย จะอยู่ในบ้าน ตึกที่มิดชิด หรือถ้าไม่ทันก็หลบไปนั่งในรถยนต์ก็ได้ เพราะถ้าฟ้าผ่ารถ กระแสไฟฟ้ามันจะวิ่งตามผิวชั้นนอก” อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ถ้าหาที่หลบไม่ได้จริงๆ ให้นั่งยองๆ กอดเข่า เพื่อลดพื้นผิวสัมผัสกับพื้นให้มากที่สุด อย่านอนราบลงกับพื้น เพราะหากเกิดฟ้าผ่าขึ้น กระแสย้อนกลับจากพื้นดินอาจเคลื่อนที่ผ่านตัวเรา รวมทั้งห้ามหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ๆ หรือต้นไม้สูงๆ เด็ดขาด เนื่องจากต้นไม้จะถูกเหนี่ยวนำให้เกิดประจุ บวกจำนวนมาก โอกาสถูกฟ้าผ่าจึงสูงมาก หรือหากเกิดฟ้าผ่าขึ้นที่ต้นไม้นั้น ก็อาจถูกกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนที่จากลำต้นมายังโคนต้นไม้ได้เช่นกัน

สธน ให้ข้อมูลด้วยว่า ปรากฏการณ์ฟ้าผ่าในฤดูมรสุม เกิดบ่อยครั้งในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. ซึ่งก็คือในช่วงนี้ และที่ต้องระมัดระวังอีกช่วงหนึ่งคือปลายฤดูฝน ระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค. ที่จะเกิดฝนตกหนักฟ้าคะนองอีกรอบ

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน