น้องหมา...ฮีโร่เพื่อนรัก

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์/ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

สุนัข...ศัพท์บัญญัติเพื่อความสุภาพ แปลตรงตัวว่า ผู้มีเล็บงาม คนไทยซึ่งไม่นิยมเรียกอะไรเยิ่นเย้อ จึงเรียกแบบไทยเดิมว่า “หมา” หากเดี๋ยวนี้ก็ไม่เรียก “หมา” เห็นนิยมเรียกกันว่า “น้องหมา” ล่าสุดตกเป็นข่าวเกรียวกราวเมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นน้องหมาที่ชื่อ เจ้าปุย ที่มีชื่อใหม่เก๋ไก๋แล้วว่า “คาบทอง” ไปเป็นที่เรียบร้อย

เหตุที่ชื่อว่า คาบทอง ก็เพราะปุย...เอ๊ย...คาบทอง ได้ไปคาบถุงพลาสติกที่ป่ารกใกล้บ้าน ในถุงพลาสติกมีทารกที่ยังมีรกพัน เป็นเด็กทารกที่แม่ใจร้ายนำมาทิ้ง ปุยคาบได้ก็ไม่อินัง วิ่งหน้าเชิดคาบถุงกลับมาบ้านทันที ถึงบ้านก็วางไว้ที่ตีนบันได ขณะนั้นยังเป็นเวลาเช้ามืด ยังไม่มีใครตื่น ตามข่าวว่าปุยเห่าเป็นบ้าเป็นหลัง วิ่งขึ้นวิ่งลงบันไดไม่รู้กี่เที่ยว เพื่อเรียกให้คนในบ้านลงมาดูเด็ก ที่ตัวมันเองขณะนั้นก็ยังไม่รู้ว่ามีชีวิตรอดอยู่หรือไม่

อย่างที่เราได้รู้กัน ขณะนี้ ปุย หมาฮีโร่แห่ง ต.ศาลาลอย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับเหรียญกล้าหาญทำความดี และใบประกาศเกียรติยศ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับสปอนเซอร์เป็นอาหารเม็ดตลอดชีวิต และยาฉีดป้องกันพิษสุนัขบ้า รวมทั้งวัคซีนประดามีตลอดชีวิตเช่นกัน เหล่านี้เป็นอภินันทนาการจากองค์การบริหารส่วนตำบลศาลาลอยอีกเช่นกัน

วันที่เราได้พบปุย คือวันที่ปุยเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่ออัดรายการโทรทัศน์ที่ช่อง 9 อสมท

การเดินทางครั้งนี้ เป็นการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรก ปรากฏว่าปุยน้ำลายยืดเยิ้ม เพราะเมารถอย่างหนัก เดินไปเดินมายังไม่ค่อยอยากจะลืมตา อยากหลับท่าเดียว เอาเถอะ! ถึงจะผิดฟอร์มฮีโร่ไปนิด แต่เมื่อเจ้าของได้พาเดินในสวนหย่อม ปุยก็เริ่มสดชื่นขึ้น กลับมาคึกคักและยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากให้ช่างภาพได้กดรูปบ้าง ได้สัมผัสปุยในยามเมา (รถ) จึงพบว่าปุยเป็นหมาลูกทุ่งที่ไร้จริตมารยา ไม่เรื่องมาก ไม่เรียกร้องนู่นนี่ ไม่ชอบออกสื่อ ออกแนวติดดิน มีเสน่ห์ไปอีกแบบ

ภุมรัตน์ ทองมาก มารดาของน้องแนนด.ญ.สุดารัตน์ ทองมาก ผู้พบทารกคนแรกและเป็นเจ้าของปุย เล่าว่า ตามปกติปุยก็เป็นหมานักคาบอยู่แล้ว แทบทุกวันเป็นต้องคาบไอ้โน่นไอ้นี่กลับมาบ้าน มีตั้งแต่กระรอกตาย หนูตาย และถุงขยะอื่นๆ อาหารที่ปุยชอบมีปลาทูทอด แกงจืด ข้าว ไก่ย่าง แต่เอาเข้าจริงอะไรก็กินหมด คลุกอะไรให้กินก็กินเรียบไม่เหลือ ได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ จะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง แต่ปุยก็เมาพับไปตั้งแต่วังน้อยแล้ว

เรื่องของสุนัขฮีโร่ ได้ยินครั้งใดก็ชุ่มชื่นหัวใจคนรักหมาครั้งนั้น ไม่ใช่แค่สมัยนี้ แต่เรื่องของหมาฮีโร่มีมาทุกสมัย หมาที่เราได้ยินและคุ้นเคยตั้งแต่เด็กก็เช่น แลสซี่ หมาไล่แกะหน้าแหลมตัวนั้น ถึงแม้เป็นหมาในหนัง แต่เชื่อว่าคงได้แรงบันดาลใจจากหมาจริงๆ ตัวเป็นๆ สักตัวกระมัง ออกแนวเรื่องจริงผ่านจออะไรงี้ หมาเก่งๆ เริ่ดๆ ไม่ได้มีแต่เฉพาะในจอเท่านั้น หมานอกจอที่เก่งกาจฉลาดล้ำก็ได้ยินเยอะแยะ

ล่าสุด ได้ยินเรื่องของสุนัขพันธุ์บีเกิล ที่ศูนย์อำนวยการยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 นำมาใช้ในการค้นหายาเสพติดในเขตภาคเหนือตอนบน หมาช่วยราชการงานเมืองหนนี้ เป็นข่าวขึ้นจากผลงานความสามารถในการตรวจจับยาเสพติดของพวกมัน ที่ในรอบ 1 ปี หลังจากใช้บีเกิลเพิ่มเติมจากสุนัขตำรวจสายพันธุ์ที่เคยเห็นอย่างลาบราดอร์ และเยอรมันเชพเพิร์ดแล้ว ปรากฏว่าภาคเหนือตอนบนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ถึง 213 ราย ยาเสพติดจำนวน 3 แสนเม็ด โอ้! ว้าว

พ.ต.ท.เดชา ไวยสุนีย์ สารวัตรหัวหน้าฝ่ายธุรการ ศูนย์อำนวยการยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 เล่าว่า การนำบีเกิลมาช่วยราชการเป็นนโยบายของ พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลภาค 5 ซึ่งเห็นต่างประเทศใช้บีเกิลเป็นสุนัขดม ทำการดมสินค้าเกษตรหรือสินค้าต้องห้ามต่างๆ ในเขตท่าอากาศยาน จึงนำมาปรับใช้ประโยชน์ในการดมหายาเสพติด ซึ่งก็ใช้ประโยชน์จากบีเกิลในลักษณะเดียวกัน คือ ความไวของจมูก และการเป็นสุนัขตัวเล็กที่มีความคล่องแคล่ว

“บีเกิลจะมีจุดเด่นที่จมูกดี ตัวเล็ก จึงเข้าถึงซอกเล็กซอกน้อยต่างๆ ได้ทั่วถึง จาก 3 เดือนของการฝึกฝน ก็ได้บีเกิลพร้อมปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อปฏิบัติงานจริงก็พอใจมาก เพราะสุนัขตัวเล็กมีความกระตือรือร้น บีเกิลจำนวน 13 ตัว ปฏิบัติการร่วมค้นหายาเสพติดได้เกินคาด” พ.ต.ท.เดชา กล่าว

คุณสมบัติอีกประการหนึ่ง คือ ความน่ารักน่าชังของบีเกิล เปรียบเทียบกับสุนัขตำรวจที่เห็นทั่วไปอย่างอัลเซเชียน ลาบราดอร์ และรอตไวเลอร์ที่ตัวมีขนาดใหญ่ คนร้ายเห็นแล้วกลัวก็ดีอยู่ แต่ชาวบ้านทั่วไปที่ไม่มีความผิดเห็นแล้วก็มักจะกลัวไปด้วย ขณะที่หากเป็นสุนัขตัวเล็กเข้ามาดมๆ จะเห็นเป็นเอ็นดูแทน ให้ความร่วมมืออย่างดี การใช้สุนัขตำรวจบางทีก็มี 2 มุมเหมือนกัน ส่วนข้อเสียมีบ้าง คือ ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าสายพันธุ์ใหญ่ ลาป่วยบ่อย (ไม่ได้อู้นะ)

ปัจจุบันสุนัขตำรวจยังคงใช้สายพันธุ์ลาบราดอร์ และเยอรมันเชพเพิร์ดเป็นหลัก 111 ตัว ส่วนบีเกิลรุ่นแรก ดาวเด่นมี “ญาญ่า” (ฮั่นแน่) ตัวนี้อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ “บัวตอง” ตัวนี้อยู่ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ยังมีอีกหลายตัวกระจายอยู่ตามด่านตรวจ น้องหมาเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่วันละ 2 ชั่วโมง ช่วงไหนอากาศร้อนจะเพลียหน่อย เหนื่อยง่าย ก็ต้องเห็นใจหมาเล็กกันบ้าง แต่เท่าที่ผ่านมาปฏิบัติผลงานได้เป็นที่พอใจ

ได้เห็นน้องหมาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคาบทอง (ปุย) เจ้าหน้าที่ญาญ่า เจ้าหน้าที่บัวตอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ 4 ขาอีกหลายนายที่ได้ช่วยกิจการงานบ้านงานเมืองแล้วก็ชื่นชม มนุษย์ทั้งหลายเห็นฮีโร่น้องหมาเหล่านี้แล้ว หากยังทำตัวไม่ดี มัวเลอะๆ เทอะๆ กันอยู่ ก็ต้องมีอายบ้างนะ