ผลประโยชน์หมื่นล้าน เลี่ยงภาษีรถหรู

เรื่องเล็กแต่เป็นข่าวใหญ่ รถหรู 6 คัน ซึ่งบรรทุกอยู่บนรถเทรลเลอร์ เตรียมขนส่งจาก กทม.ไปยัง จ.ศรีสะเกษ เกิดเพลิงลุกไหม้เสียหาย 4 คัน ระหว่างทางบริเวณ จ.นครราชสีมา ข้อสงสัยว่ารถของใคร นำไปสู่การตรวจสอบของหลายฝ่าย

การตรวจสอบของสำนักงานวิทยาการตำรวจ พบว่ารถหรูทั้ง 6 คัน มีความผิดปกติทั้งตอกทับเลขเดิมที่ขูดลบออก ตอกเลขบนแผ่นมาปิดทับ นำไปสู่การเชื้อเชิญให้หน่วยงานอื่นๆ ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสรรพสามิต ร่วมตรวจสอบ

และนับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา ก็ยังไม่มีผู้แสดงตนเป็นเจ้าของรถยนต์ทั้ง 6 คันที่ตำรวจยึดไว้ ซึ่งน่าแปลกใจที่รถราคาคันละนับสิบล้านบาท กลับหาเจ้าของไม่ได้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. กรมศุลกากรแถลงข่าวตรวจยึดรถหรูหนีภาษีได้ 10 คัน มูลค่ากว่า 129 ล้านบาท ผ่านทางชายแดนภาคใต้ในรูปแบบของนักท่องเที่ยว โดยจะขับรถมาจอดทิ้งไว้ แล้วขบวนการค้ารถหรูในประเทศไทยก็จะมารับต่อ

แน่นอนว่าข้อกังขาของสังคมต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี้คือ ขบวนการนำเข้ารถยนต์ราคาแพงด้วยวิธีการเลี่ยงภาษี

ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ผู้ครอบครองรถหรูจดประกอบที่ขึ้นบัญชีต้องถูกตรวจสอบ จำนวน 6,862 คัน โดยในจำนวนนี้พบว่ากลุ่มผู้ครอบครองรถหรูเหล่านี้นอกจากประชาชนทั่วไปแล้ว ยังมีทั้งกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ นายตำรวจ นายทหาร และนักแสดง รวมอยู่ด้วยเช่นกัน โดยกลุ่มข้าราชการและนักการเมืองถือครองมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีรถที่รอตรวจสอบอีกประมาณ 3,000 คัน รวมกว่า 9,000 คัน มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท

ข้อมูลของกรมศุลกากรระบุว่า การนำเข้ารถหรูมี 2 ช่องทาง คือ ผู้นำเข้ารถหรูเก่าสภาพดี อาศัยช่องว่างกฎหมายซิกแซ็กแยกชิ้นส่วนแจ้งเสียภาษีเป็นการนำเข้าอะไหล่รถยนต์ และผู้ประกอบการนำเข้ารถอิสระสำแดงราคาต่ำกว่าเป็นจริง เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีแพง

ทั้งนี้ ผู้นำเข้ารถหรูไม่ว่าเก่าหรือใหม่ ต่างมีเส้นสายนักการเมือง เจ้าหน้าที่ทางการ เป็นผู้สนับสนุนดูแลการนำเข้า

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ห้ามนำเข้าโครงรถยนต์และโครงมอเตอร์ไซค์เก่า ซึ่งมีผลบังคับกว่า 1 ปีแล้ว จะเหลือก็แต่โครงรถยนต์ที่นำเข้ามาก่อนประกาศ ก็ให้นำมาจดประกอบให้เรียบร้อย โดยไปเสียภาษีกับกรมสรรพสามิตให้ครบถ้วน

ประกาศดังกล่าวถือเป็นการปิดฉากธุรกิจจดประกอบรถยนต์ ส่วนรถที่มีปัญหาอยู่ขณะนี้คาดว่าเป็นรถค้างเก่า

เหตุผลที่ต้องปิดตายการนำเข้าชิ้นส่วนจดประกอบเพราะพบว่ามีช่องโหว่หลายทาง เดิมการนำเข้ารถเก่าต้องขออนุญาตกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งต้องเสียภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต และภาษีกรมสรรพากร เหมือนกับนำเข้ารถใหม่

แต่ปรากฏว่าผู้ประกอบการหลีกเลี่ยงนำรถเก่าแยกชิ้นส่วน และนำเข้ามาสำแดงราคาเสียภาษีเป็นอะไหล่รถยนต์ และยังใช้ชื่อหลายบริษัทนำเข้ามา แม้ขนใส่มาตู้เดียวกัน กรมศุลกากรก็เอาผิดไม่ได้ จึงต้องใช้มาตรการไม้แข็งปิดประตูไม่ให้มีการนำเข้าโครงรถยนต์อีกต่อไป ขณะเดียวกันกรมสรรพสามิตก็จะไม่รับเสียภาษีรถจดประกอบอีกต่อไปเช่นกัน

สำหรับในส่วนของการนำเข้ารถของ เกรย์ มาร์เก็ต สำแดงราคาต่ำเกินไป ที่ผ่านมากรมศุลกากรพบว่ามีรถหรูนำเข้าหลายรุ่นแจ้งราคานำเข้าต่ำกว่าเป็นจริง ซึ่งได้ให้ปรับราคาเพิ่มขึ้นมา 10-20%

โดยที่ผ่านมากรมศุลกากรได้ตรวจสอบ เกรย์ มาร์เก็ต กว่า 60 ราย พบว่ามีจำนวนมากเป็น เกรย์ มาร์เก็ต ห้องแถว ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเกเรดำเนินการไม่ถูกต้อง

นอกจากนี้ กรมศุลกากรยังได้ทำฐานราคาและราคาทดสอบของรถหรูนำเข้ารุ่นต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรใช้ในการอ้างอิงปลดปล่อยรถยนต์นำเข้าให้สอดคล้องกับราคาตลาดมากขึ้น

กรมศุลกากรเปิดเผยว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ตลาดของ เกรย์ มาร์เก็ต ถือว่าอยู่ในช่วงบูมสุดขีด มีการนำเข้ารถหลายพันคันต่อปี ทำให้รัฐบาลสูญเสียเงินภาษีนับหมื่นล้านบาท ซึ่งมีบริษัท เกรย์ มาร์เก็ต เกิดขึ้นในวงการรถหรูกว่า 100 ราย มีทั้งเจ้าใหญ่ลงทุนเป็นหลักพันล้านบาท มีสำนักงาน โชว์รูม ศูนย์ซ่อม เต็มรูปแบบ และ เกรย์ มาร์เก็ต รายเล็กใช้เงินลงทุน 50-100 ล้านบาท

ตัวอย่างรถหรูที่เป็นที่นิยมตลอดกาลของคนไทยคือ รถเบนซ์ เกรย์ มาร์เก็ต นำเข้ามาขายให้ลูกค้าได้ถูกกว่าดีลเลอร์ขายถึงคันละ 12 ล้านบาท

ขณะที่รถซูเปอร์คาร์ ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ตเฟอร์รารี ปอร์เช่ แลมโบร์กินี ออดี้ เบนทลี่ย์ ผู้ประกอบการ เกรย์ มาร์เก็ต สามารถขายรถในราคาต่ำกว่าตัวแทนจำหน่ายถึง 10 ล้านบาท

ด้านสมาคมผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระ เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงการเลี่ยงภาษีของรถหรูนำเข้าว่า ในอดีตใช้วิธีถอดกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (อีซียู) ซึ่งในรถหรูส่วนใหญ่บริษัทผู้ผลิตจะกำหนดให้อีซียู 1 กล่องใช้ได้เพียง 1 คันเท่านั้น ไม่ได้ผลิตสำรองให้สามารถสั่งซื้อได้ ผู้เลี่ยงภาษีจะถอดกล่องอีซียูไว้ก่อนนำเข้า จากนั้นปล่อยรถหรูที่นำเข้ามาโดนกรมศุลกากรตรวจยึดไป เพื่อรอวันประมูลขายทอดตลาด ผู้ที่เป็นเจ้าของก็จะมาประมูลไปครอบครอง นำกล่องอีซียูที่เก็บไว้สวมเข้าไปก็ใช้ได้ ถือเป็นการครอบครองในราคาต่ำโดยเลี่ยงภาษี แต่ครอบครองรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

อีกวิธีหนึ่งคือ การสำแดงภาษีนำเข้ารถยนต์เป็นรถมือสองจากต่างประเทศ ซึ่งต้นคิดมาจากกลุ่มนักเรียนนอกลูกคนรวย วิธีนี้ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน วิธีนี้มีความใกล้เคียงกับรถยนต์จดประกอบกรณีที่เกิดไฟไหม้

สำหรับวิธีล่าสุดที่เกิดขึ้น คือ การติดตั้งเชื้อเพลิงระบบแก๊สเพื่อตบตา โดยไม่ต้องการให้ใช้งานได้จริง วิธีการนี้เพื่อให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. ตรวจสอบ แทนที่จะเป็นเชื้อเพลิงน้ำมันแบบธรรมดา ซึ่งตรวจสอบโดยกรมการขนส่งทางบก ที่ต้องเสี่ยงกับหลักเกณฑ์ตรวจสอบที่เข้มข้นและใช้เวลานานกว่า

เมื่อผ่าน สมอ.ก็นำหลักฐานไปจดทะเบียนได้ รวมถึงการสำแดงภาษีรถนำเข้าต้องเสียภาษี 200-300% ขณะถ้าเลี่ยงเป็นรถจดประกอบที่อ้างว่าติดก๊าซจะเสียภาษีเพียง 30-50% เท่านั้น ซึ่งถือว่าได้ 2 เด้ง

เกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา กล่าวว่า ที่ผ่านมากำหนดการตรวจสอบคุณภาพในส่วนของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเท่านั้น ทำให้เกิดช่องว่างทางกฎหมายสำหรับการติดตั้งก๊าซในการหลบเลี่ยงการตรวจคุณภาพ ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้ 1 ปี รถจดประกอบจะหมดสิ้นไป

จะทำได้จริงหรือไม่ เพราะผลประโยชน์ในตลาดรถยนต์หรูนั้นมหาศาลนับหมื่นล้าน อีกทั้งแฝงด้วยอิทธิพลทั้งทางธุรกิจ การเมือง และราชการ