วิกฤตพลังงานทำการเมืองไทยระอุ

เว็บไซต์ออยล์ ไพรซ์ดอทคอม ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลและบทวิเคราะห์ด้านพลังงานในอังกฤษ เปิดเผยรายงานกึ่งวิเคราะห์ของจอห์น ซี.เค. ดาลี ซึ่งแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวิกฤตขาดแคลนพลังงานของไทย ว่ากำลังส่งผลกระทบให้สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง

รายงานระบุว่า ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความไร้เสถียรภาพทางการเมืองจากการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลเมื่อปี 2554 วิกฤตอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี เมื่อปลายปีเดียวกัน ตลอดจนเหตุรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่ยังคงยืดเยื้อและไม่ได้รับการแก้ไข โดยล่าสุดไทยกำลังเผชิญปัญหาใหม่ ซึ่งก็คือปัญหาการขาดแคลนพลังงาน

ผู้เขียนระบุว่า สถานการณ์ที่ตอกย้ำปัญหาดังกล่าวได้ดีที่สุด คงหนีไม่พ้น เหตุไฟฟ้าดับใน 14 จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยถึงแม้ว่ารัฐบาลไทยได้ชี้แจงสาเหตุไฟฟ้าดับว่าเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคจากปัญหาสายส่งไฟฟ้าที่มีปัญหา

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนมองว่า ปัญหาดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าโรงผลิตกระแสไฟฟ้าในภูมิภาค ไม่สามารถตอบสนองความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ เห็นได้จากภายในพื้นที่ภาคใต้ของไทยมีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า 2,500 เมกะวัตต์ต่อวัน ทว่าโรงไฟฟ้าในภูมิภาคสามารถผลิตไฟได้เพียง 2,000 เมกะวัตต์ต่อวันเท่านั้น โดยส่วนต่างที่เหลือต้องลำเลียงมาจากภาคกลางของไทยผ่านสายส่งไฟฟ้า

ความเห็นดังกล่าวนับว่าสอดคล้องกับรายงานล่าสุดขององค์การข้อมูลข่าวสารด้านพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ต้องมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งแตะระดับเป็นหนึ่งในประเทศที่บริโภคพลังงานไฟฟ้าสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

จากวิกฤตไฟฟ้าดับในภาคใต้ได้สร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังทางหอการค้าไทยออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงสาเหตุ แนวทางการแก้ไขและป้องกันไม่ให้สถานการณ์ไฟฟ้าดับเกิดขึ้นซ้ำรอย เนื่องจากกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในระยะยาว