อาการหลวงพ่อคูณดีขึ้นต่อเนื่อง
หมอเผยอาการหลวงพ่อคูณดีขึ้นต่อเนื่อง รู้สึกตัวดี พูดคุยได้ แต่ห่วงอากาศเปลี่ยนอาจส่งผลกระทบ พร้อมกำชับห้ามพาออกนอกห้องผู้ป่วยเด็ดขาด
หมอเผยอาการหลวงพ่อคูณดีขึ้นต่อเนื่อง รู้สึกตัวดี พูดคุยได้ แต่ห่วงอากาศเปลี่ยนอาจส่งผลกระทบ พร้อมกำชับห้ามพาออกนอกห้องผู้ป่วยเด็ดขาด
ความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา หลังถูกส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เมื่อคืนวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ด้วยอาการไข้ ซึม และมีเสมหะมาก เนื่องจากติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และหลอดลมอักเสบ ซึ่งแพทย์ให้หลวงพ่อคูณพักรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตามข่าวที่เสนอไปอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดเช้าวันนี้ (8 พ.ค. 56) นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการของหลวงพ่อคูณดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีอาการไข้มาครบ 72 ชั่วโมงแล้ว พูดคุยโต้ตอบรู้สึกตัวดี แต่ยังคงมีเสมหะมาก และยังมีอาการอ่อนเพลียชัดเจน คณะแพทย์ยังให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยจนครบ 10 วัน ควบคู่ไปกับยาละลายเสมหะ และยาขยายหลอดลม อย่างไรก็ตามช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทั้งอากาศร้อน ลมแรง และมีฝนตกหนัก คณะแพทย์ได้สั่งกำชับห้ามพาหลวงพ่อคูณออกนอกห้องผู้ป่วยอย่างเด็ดขาด เพราะยังต้องเฝ้าระวังอาการของหลวงพ่อคูณอย่างใกล้ชิด อีกทั้งก็อาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามขึ้นมา ซึ่งคณะแพทย์ยอมรับว่า หากในช่วงนี้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างขึ้นมานั้นก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่หนักใจของคณะแพทย์เป็นอย่างยิ่ง เนื่องหลวงพ่อคูณ อายุมากแล้วอีกทั้งโรคประจำตัวของหลวงพ่อคูณก็มีอยู่หลายโรค ทำให้ในช่วงนี้และช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงคณะแพทย์จะต้องยิ่งดูแลเป็นพิเศษ
ด้านนายไฝ ใจดี ลูกศิษย์ที่ดูแลหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า อาการโดยรวมของหลวงพ่อคูณดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถนอนจำวัดได้ดี และเมื่อทุกครั้งที่ตื่นจากการจำวัด ลูกศิษย์ก็จะทำการบีบนวดให้แก่หลวงพ่อคู และทุกครั้งที่ทำการบีบนวดหลวงพ่อคูณก็จะพูดคุยกับลูกศิษย์ด้วยอยู่ตลอดเวลา และยังสามารถจดจำลูกศิษย์ได้เป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่หลวงพ่อคูณจะถามว่าใครไปหน หรือคนนั้นอยู่ที่ไหน ดังนั้นเมื่อหลวงพ่อคูณตื่นจากจำวัดลูกศิษย์ก็จะพยายามเข้าไปพูดคุยอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้หลวงพ่อคูณรู้สึกเบื่อจนดื้อต่อการรักษาของคณะแพทย์
ภาพประกอบข่าว


