จดหมายถึงพระเจ้า
มีเรื่องสั้น “คลาสสิก” เรื่องหนึ่งจากอเมริกาใต้ ชื่อ “จดหมายถึงพระเจ้า” แปลเป็นภาษาไทยเมื่อราวสามสิบปีมาแล้ว โดย “หมอแอ็คติวิสต์” คนหนึ่งคือ นพ.เหวง โตจิราการ เรื่องสั้นเรื่องนี้ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ซึ่งอยู่นอกแวดวงแอ็คติวิสต์ คงไม่เคยอ่าน จึงขอนำมาเล่าให้ฟังเผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง โดยขอเล่าจากความทรงจำเพราะไม่มีเวลาไปค้นหนังสือมาอ่านทบทวน
มีเรื่องสั้น “คลาสสิก” เรื่องหนึ่งจากอเมริกาใต้ ชื่อ “จดหมายถึงพระเจ้า” แปลเป็นภาษาไทยเมื่อราวสามสิบปีมาแล้ว โดย “หมอแอ็คติวิสต์” คนหนึ่งคือ นพ.เหวง โตจิราการ เรื่องสั้นเรื่องนี้ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ซึ่งอยู่นอกแวดวงแอ็คติวิสต์ คงไม่เคยอ่าน จึงขอนำมาเล่าให้ฟังเผื่อจะเป็นประโยชน์บ้าง โดยขอเล่าจากความทรงจำเพราะไม่มีเวลาไปค้นหนังสือมาอ่านทบทวน
“จดหมายถึงพระเจ้า” เป็นเรื่องราวของชาวนายากจน ซึ่งเป็น “ตัวอย่าง” ของชาวนายากจนทั่วๆ ไป คือ นอกจากยากจนแล้วยังมีลูกมาก ชีวิตต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือฝนแล้ง น้ำท่วม ศัตรูพืช ราคาผลผลิตถูกกดราคาให้ตกต่ำ ฯลฯ ชาวนาคนนี้ชื่อ เมอโซ
ปีหนึ่งแล้งจัด เมอโซและลูกๆ อยู่ในภาวะอดอยากหิวโหยจนผ่ายผอมเพราะอดโซ แต่เมอโซยังมีความหวัง เพราะเขายังศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า ทุกวันอาทิตย์เมอโซจะไปโบสถ์เป็นประจำ
เช้าวันอาทิตย์วันหนึ่ง เมอโซไปโบสถ์ตามปกติ หลังกลับจากโบสถ์ด้วยความสุข เพราะมีความรู้สึกเสมือนหนึ่งได้ไปพบพระผู้เป็นเจ้า เมื่อกลับถึงบ้านเมอโซจึงหาทางติดต่อขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
แม้เมอโซจะอดอยากยากจนมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายาย แต่เขายังพออ่านออกเขียนได้ เขาจึงเขียนจดหมายถึงพระเจ้า รำพันถึงชะตากรรมอันโหดร้ายของตัวเองและลูกๆ บอกว่าทุกคนกำลังจะอดตายอยู่แล้ว จึงขอให้พระเจ้าส่งเงินมาให้สัก 100 เปโซ เพื่อให้สามารถใช้ประทังชีวิตต่อไปได้ หลังเขียนจดหมายเสร็จ เมอโซจ่าหน้าซอง “ถึงพระเจ้า” แล้วนำไปส่งที่ไปรษณีย์
เมื่อพนักงานไปรษณีย์พบจดหมายนี้ ก็ไม่รู้จะส่งไปที่ไหน ตามกฎของไปรษณีย์เมื่อจดหมายจ่าหน้าไม่ชัดเจนก็ส่งให้ผู้รับไม่ได้ จะต้องมีการประชุมพิจารณาว่าจะทำอย่างไร วิธีการหนึ่งที่ใช้กันเสมอคือ เปิดจดหมายออกอ่าน เผื่อจะมีข้อมูลให้สามารถส่งถึงผู้รับได้ จดหมายของเมอโซก็ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกัน คือ ให้เปิดออกอ่าน
นายไปรษณีย์อ่านจดหมายแล้ว นอกจากเวทนาสงสารในชะตากรรมของเมอโซแล้วยังรู้สึกได้ถึงความศรัทธาอันเปี่ยมล้นของเมอโซที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า นายไปรษณีย์ไม่ต้องการให้เมอโซสูญเสียความศรัทธานี้ จึงชักชวนให้พนักงานไปรษณีย์ร่วมกันบริจาค
ในท้องที่ยากจนเช่นนั้น ไม่ใช่แต่เมอโซเท่านั้นที่ยากจน บรรดาพนักงานไปรษณีย์ก็มีฐานะพออยู่พอกินเท่านั้น จึงรวบรวมเงินบริจาคได้ทั้งสิ้นเพียง 70 เปโซ นำใส่ซองปิดผนึก แล้วจ่าหน้าซองถึงเมอโซ
วันอาทิตย์ถัดมา เมอโซไปโบสถ์ตามปกติ ขากลับเขาแวะที่สำนักงานไปรษณีย์ ถามหาว่ามีจดหมายถึงเขาบ้างไหม นายไปรษณีย์ยื่นซองจดหมายจ่าหน้าถึงเมอโซให้ด้วยความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจในกุศลกรรมที่ตนเองและพนักงานร่วมกันสร้างขึ้นครั้งนั้น
ทันทีที่กลับถึงบ้าน เมอโซเปิดซองจดหมายเห็นธนบัตรเก่าๆ ในซองนั้น ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก รีบนับเงินได้ 70 เปโซพอดี โทสะของเมอโซพลุ่งพล่านขึ้น เขารีบเขียนจดหมายถึงพระเจ้าอีกฉบับ ข้อความว่า ถึงพระเจ้า ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาการุณย์ของพระองค์ ที่ส่งเงินไปให้ ด้วยเงินจำนวนนั้น เขาและลูกๆ คงจะรอดพ้นความอดตายไปได้ แต่เขานับเงินที่พระเจ้าส่งไปให้แล้ว มีเพียง 70เปโซ “ฉะนั้นโปรดส่งเงินที่เหลืออีก 30 เปโซไปให้ แต่คราวนี้ขอให้ส่งถึงผมโดยตรง อย่าส่งผ่านทางไปรษณีย์ เพราะไปรษณีย์พวกนี้มันขี้ฉ้อคดโกงทั้งนั้น”
กรณีที่กำลังเกิดกับองค์การเภสัชกรรม ทั้งกรณีปัญหาตัวยาพาราเซตามอล กรณีการก่อสร้างโรงงานยาต้านไวรัสเอดส์ และโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กำลังถูกกระทำให้ตกอยู่ในสภาพคล้ายคลึงกับกรณีของพนักงานไปรษณีย์กับเมอโซ
กรณียาพาราเซตามอล เป็นความพยายามในการพัฒนาการผลิตอย่างรับผิดชอบ ทั้งการปรับปรุงโรงงานเพื่อผลิตเอง และการสำรองยาไว้เพื่อมิให้ขาดแคลน โดยเฉพาะในยามฉุกเฉิน แต่ต่อมามีปัญหาว่าตัวยาไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งน่าจะเกิดจากการปนเปื้อน (Contamination) แต่ก็ถูกบิดเบือนว่าเป็นการปลอมปน (Counterfeit) และยังไม่รู้ว่าปัญหาจริงๆ คืออะไร รวมทั้งยังมิได้มีการนำไปผลิตจำหน่ายแต่อย่างใด ก็กลับทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต กระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือที่สั่งสมกันมานานขององค์การเภสัชกรรม
กรณีโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปัญหาใหญ่เกิดจากความไม่รู้และความไม่เข้มแข็งทางวิชาการของประเทศ และเหตุปัจจัยอันอยู่ “นอกการควบคุม” ขององค์การเภสัชกรรมแทบทั้งสิ้น
โรงงานยาเอดส์ก็เช่นกัน แม้จะล่าช้าเพราะปัญหาอุปสรรคมากมาย แต่จุดที่ควรแก่การชื่นชม คือ สามารถปรับปรุงแบบและเทคโนโลยีจนสามารถเพิ่มการผลิตจากปีละ 80 ล้านเม็ด เป็น 3,500 ล้านเม็ด โดยไม่ต้องเพิ่มงบประมาณ กลับเจอแต่การ “จับผิด” “หาเรื่อง”
ก็ขอให้กำลังใจแก่ผู้บริหารและพนักงานองค์การเภสัชกรรม คุณงามความดีที่ทุกคนได้ทุ่มเททำงานกันอย่างหามรุ่งหามค่ำ โดยเฉพาะกรณีที่ต้องยกทีมจากบ้านเรือนไปทำงานที่นครปฐม และการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องกรณีการก่อสร้างโรงงานมาตรฐานระดับโลกทั้งสองแห่ง
ในเรื่องจดหมายถึงพระเจ้า ไม่พูดถึงว่าบรรดาพนักงานไปรษณีย์ได้เปิดจดหมายฉบับที่สองของเมอโซออกอ่านหรือไม่ ก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะยังคงมั่นคงในความมีใจการุณย์ต่อไป
สำหรับผู้บริหารและพนักงานองค์การเภสัชกรรม ขออย่าได้ “หวั่นไหวในโลกกรรม” และขอให้เชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม คือ ทำดีดี ทำชั่วชั่ว
สิ่งที่พวกท่านได้กระทำเป็นกุศลกรรม คือ ความดีแน่นอน ส่วนที่พวกท่านถูกกระทำจาก “โทสจริต” และ “โมหจริต” นั้น เป็นอกุศลกรรมอย่างชัดแจ้ง


