จีนฮิตพระเครื่องไทย
หนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี ในจีน รายงานถึงกระแสความนิยมเรื่องพระเครื่องของประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงไปไกลทั้งในหมู่ชาวจีน และชาวต่างชาติอื่นๆ ว่า ทุกวันนี้ หากเศรษฐีหรือผู้มีชื่อเสียงในจีนคิดจะห้อยพระเครื่องไม่ว่าจะด้วยความศรัทธาหรือชื่นชอบตามสมัยนิยมแล้ว พวกเขาจะนึกถึงพระเครื่องจากประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเทรนด์ของนักสะสมมากที่สุดในเวลานี้
หนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี ในจีน รายงานถึงกระแสความนิยมเรื่องพระเครื่องของประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงไปไกลทั้งในหมู่ชาวจีน และชาวต่างชาติอื่นๆ ว่า ทุกวันนี้ หากเศรษฐีหรือผู้มีชื่อเสียงในจีนคิดจะห้อยพระเครื่องไม่ว่าจะด้วยความศรัทธาหรือชื่นชอบตามสมัยนิยมแล้ว พวกเขาจะนึกถึงพระเครื่องจากประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเทรนด์ของนักสะสมมากที่สุดในเวลานี้
แม้ว่าใครก็สามารถทำเครื่องรางของขลังได้ แต่สำหรับพระเครื่องในประเทศไทยแล้ว เชื่อกันว่าจะได้รับการปลุกเสกจากพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาแก่กล้าเท่านั้น และพระเกจิแต่ละรูปก็จะมีการปลุกเสกพระเครื่องเฉพาะแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน
หวังเล่ย ดีลเลอร์พระเครื่องในกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า พระเครื่องของไทยนั้นมีราคาพุ่งขึ้นถึง 2 เท่าในช่วง 2 ปีมานี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ก็เป็นเพราะกระแสนิยมของบรรดาผู้เล่นพระซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง และจีน ซึ่งเพิ่งมีกระแสฮิตในช่วงไม่นานมานี้
ดีลเลอร์คนดังกล่าว ระบุว่า ในปี 2005 ยังมีร้านเช่าพระเครื่องไทยเพียง 3 ร้านในกรุงปักกิ่ง ทว่าในปี 2012 จำนวนร้านกลับพุ่งขึ้นถึง 1,000 แห่ง การช็อปปิ้งออนไลน์ที่สะดวกขึ้นยังช่วยเพิ่มช่องทางการเช่าพระเครื่องในจีน และแสดงให้เห็นถึงความบูมของตลาด
คาดว่าจะมีร้านพระเครื่องไทยในจีนเพิ่มขึ้นถึง 3,000 แห่งในปีนี้ บางร้านมีพระเครื่องหลากหลายถึงกว่า 7,000 องค์เลยทีเดียว โดยมีราคาอยู่ที่ระหว่าง 500 หยวน (ราว 2,500 บาท) ไปจนถึง 1 ล้านหยวน (ราว 5 ล้านบาท)
หวังหยาง พ่อค้าอีกรายในกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า กระแสพระเครื่องในจีนนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะอิทธิพลจากบรรดาคนดังที่นิยมห้อยพระเครื่อง เช่น เฉินหลง ดอนนี เยิน และเซซิลา เฉิง
“หลายคนที่นิยมห้อยพระเครื่องมักจะคิดว่า เป็นวิธีที่ดีในการนำพาโชคดีมาให้ แต่ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า 50% ของคนที่ห้อยพระไม่ใช่พุทธศาสนิกชนจริงๆ พวกเขามองว่าเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งเท่านั้น” หวัง กล่าว ขณะที่บางคนก็ใส่เพียงเพื่อหวังโชว์สร้อยทองหรือเงิน
ความนิยมพระเครื่องในจีนทำให้เกิดธุรกิจเลียนแบบขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างกับในไทยที่มีหน่วยงานที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ ดังนั้น การเช่าพระในจีนจึงต้องขึ้นอยู่กับร้านที่ไว้ใจได้เป็นหลัก ขณะที่หยางยอมรับว่า เคยถูกโกงหลายต่อหลายครั้งระหว่างช่วง 2 ปีแรกที่เริ่มเล่นพระ เมื่อปี 2005 ขณะที่คนจีนหลายคนซึ่งไม่อยากถูกหลอก ก็ต้องลงทุนบินไปเช่าถึงประเทศไทย
ในมุมมองของนักเล่นพระชาวจีนนั้น วัดจำนวนมากในไทยยังคงความน่าศรัทธาจากชาวบ้านในพื้นที่ และไม่ขายของปลอม ซึ่งค่อนข้างต่างจากในจีนที่เป็นพุทธพาณิชย์โดยส่วนใหญ่ และทำให้คนจำนวนไม่น้อยถอยห่างจากศาสนา


