posttoday

ฝนดาวตกจากดาวหางแฮลลีย์

05 พฤษภาคม 2556

ฝนดาวตกเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ละปีมีฝนดาวตกหลายกลุ่ม กลุ่มสำคัญๆ ที่มีดาวตกในอัตราสูงในระดับหลายสิบดวงต่อชั่วโมง

ฝนดาวตกเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ละปีมีฝนดาวตกหลายกลุ่ม กลุ่มสำคัญๆ ที่มีดาวตกในอัตราสูงในระดับหลายสิบดวงต่อชั่วโมง มีอยู่ไม่มาก และเป็นส่วนน้อย ฝนดาวตกที่คนส่วนมากรู้จัก คือฝนดาวตกสิงโตในเดือน พ.ย. ซึ่งเคยมีอัตราสูงในระดับเป็นพันดวงต่อชั่วโมงเมื่อสิบกว่าปีก่อน ฝนดาวตกวันแม่ในเดือน ส.ค. และฝนดาวตกคนคู่ในเดือน ธ.ค. ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีอัตราสูงเกิน 100 ดวงต่อชั่วโมง

ดาวหางแฮลลีย์เป็นดาวหางสว่างที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์เฉลี่ยทุกๆ 76 ปี ปรากฏในบันทึกทางประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงอย่างน้อย 240 ปีก่อนคริสต์ศักราช ดาวหางแฮลลีย์เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ. 2529 แต่การเข้าใกล้ครั้งนั้นอยู่ในจังหวะไม่ดี ระยะห่างที่ไกลจากโลก ทำให้ดาวหางไม่สว่างนัก แตกต่างจากครั้งก่อนหน้านั้น

ทุกครั้งที่ดาวหางเคลื่อนเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ จะปล่อยสะเก็ดดาวจำนวนมากไว้ตามทางโคจร เรียกสะเก็ดดาวที่เคลื่อนไปตามทางโคจรนี้ว่าธารสะเก็ดดาว (Meteoroid Stream) วันที่ 19 เม.ย.28 พ.ค.ของทุกปี เป็นช่วงที่โลกจะผ่านธารสะเก็ดดาวของดาวหางแฮลลีย์ สะเก็ดดาวจึงเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็ว 66 กิโลเมตรต่อวินาที เห็นเป็นดาวตกเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว โดยมีลักษณะเป็นแสงสว่างวาบในเวลาสั้นๆ มีอัตราตกสูงสุดราววันที่ 5-7 พ.ค.ของทุกปี

ฝนดาวตกที่เกิดจากดาวหางแฮลลีย์ในช่วงนี้มีชื่อเรียกว่าฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำ (Eta Aquariids) การตั้งชื่อฝนดาวตกมักตั้งตามชื่อดาวหรือกลุ่มดาวที่ดาวตกดูเหมือนพุ่งออกมาจากบริเวณนั้น จุดดังกล่าวเรียกว่าจุดกระจายฝนดาวตก (Radiant) หรือเรียกอย่างย่อๆ ว่าจุดกระจาย ฝนดาวตกนี้ตั้งชื่อตามดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้จุดกระจาย ดาวดวงนี้มีชื่อว่าอีตา (Eta) ตามอักษรกรีก ส่วนคนแบกหม้อน้ำคือชื่อกลุ่มดาว ซึ่งเป็นกลุ่มดาวราศีกุมภ์ในจักรราศี ชื่อฝนดาวตกในภาษาละตินจะลงท้ายด้วย -id หรือ -ids เสมอ

ฝนดาวตกแต่ละกลุ่มมีอัตราตกสูงสุดแตกต่างกัน นักดาราศาสตร์ระบุด้วยค่า ZHR (Zenithal Hourly Rate) เป็นอัตราตกในภาวะอุดมคติ ซึ่งเป็นภาวะที่จุดกระจายอยู่เหนือศีรษะ และท้องฟ้ามืดสนิท แต่ละปี อัตราตกสูงสุดของฝนดาวตกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็อาจแตกต่างกันได้ สำหรับฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำ โดยมากผันแปรอยู่ในช่วงประมาณ 4085 ดวงต่อชั่วโมง

ดาวตกจากฝนดาวตกจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อจุดกระจายปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า สำหรับฝนดาวตกกลุ่มนี้ จุดกระจายจะขึ้นเหนือขอบฟ้าในเวลาประมาณตี 2 แล้วเคลื่อนสูงขึ้นตามการหมุนของโลก ช่วงเวลาที่สังเกตฝนดาวตกได้ดีที่สุด คือช่วงที่จุดกระจายอยู่สูงที่สุด สำหรับฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำตรงกับช่วงเวลาก่อนฟ้าสาง หรือประมาณตี 4 ถึงตี 5

จุดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมองไปที่กลุ่มดาวนี้ ดาวตกสามารถปรากฏขึ้นตรงไหนก็ได้ทั่วท้องฟ้า แต่เมื่อลากเส้นสมมติย้อนไปตามทิศทางการเคลื่อนที่ของดาวตกแต่ละดวง จะพบว่าดาวตกที่เป็นสมาชิกของฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำจะมีเส้นทางบรรจบกันที่จุดกระจาย

ดาวตกบางดวงที่เราเห็นบนท้องฟ้าอาจไม่ใช่สมาชิกของฝนดาวตกกลุ่มที่เราสนใจก็ได้ เพราะฝนดาวตกมีหลายกลุ่ม หรืออาจเป็นดาวตกทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของฝนดาวตกกลุ่มใดเลยก็เป็นไปได้เช่นกัน

เราไม่รู้ว่าดาวตกจะเกิดขึ้นบริเวณใดบนท้องฟ้า การสังเกตดาวตกจึงอาศัยการมองไปทั่วฟ้า โดยเฉพาะบริเวณที่มืดที่สุดบนท้องฟ้า ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ขอเพียงท้องฟ้าต้องมืด ปราศจากแสงไฟรบกวน ไม่มีเมฆหมอกบดบัง และเพื่อไม่ให้ปวดต้นคอ จึงควรนอนดูบนเก้าอี้ผ้าใบที่ปรับเอนนอนได้

ปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับการสังเกตฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำ เนื่องจากเป็นช่วงข้างแรมแก่ๆ ดวงจันทร์ขึ้นมาอยู่บนท้องฟ้า แต่ปรากฏเป็นเสี้ยว สว่างน้อย ไม่รบกวนการดูดาวตกมากนัก สำหรับประเทศไทย คาดว่าช่วงเวลาตี 4 ถึงตี 5 ของเช้ามืดวันจันทร์ที่ 6 พ.ค. และวันอังคารที่ 7 พ.ค. 2556 น่าจะสังเกตได้ดีที่สุด คาดว่าจะมีจำนวนสูงสุดราว 20-35 ดวง

หากพลาดโอกาสในช่วง 2 วันดังกล่าว ด้วยอุปสรรคจากเมฆฝน หรือจากสาเหตุอื่น ก็ยังพอจะสังเกตได้ในเช้ามืดของวันที่ 810 พ.ค. แต่อัตราตกจะลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากโลกได้ผ่านบริเวณที่มีสะเก็ดดาวหนาแน่นที่สุดไปแล้ว

วงโคจรของดาวหางแฮลลีย์ตัดระนาบวงโคจรโลก 2 จุด โดยจุดตัดอยู่ไม่ไกลจากโลกมาก จึงไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดฝนดาวตกอีตาคนแบกหม้อน้ำในเดือน พ.ค.เท่านั้น ยังเป็นต้นกำเนิดของฝนดาวตกนายพราน (Orionids) ซึ่งเป็นฝนดาวตกอีกกลุ่มหนึ่ง เกิดขึ้นในช่วงประมาณวันที่ 2 ต.ค. ถึง 7 พ.ย.ของทุกปี โดยมีอัตราตกสูงสุดในวันที่ 20-21 ต.ค. ราว 25 ดวงต่อชั่วโมง

ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (5–12 พ.ค.)

หลังดวงอาทิตย์ตกไปแล้ว 30 นาที ดาวพฤหัสบดีอยู่บนท้องฟ้าทิศตะวันตกที่มุมเงยราว 25 องศา โดยอยู่ในกลุ่มดาววัว ตกลับขอบฟ้าก่อน 3 ทุ่ม ปลายสัปดาห์เป็นช่วงที่ดาวศุกร์เริ่มทำมุมห่างดวงอาทิตย์มากพอที่จะสังเกตได้ในทิศเดียวกับดาวพฤหัสบดี แต่อยู่ต่ำใกล้ขอบฟ้า สังเกตได้เฉพาะในคืนที่ท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีเมฆหมอกบดบัง

ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคันชั่ง เคลื่อนถอยหลังในมุมมองจากโลก โดยจะเข้าสู่กลุ่มดาวหญิงสาวในสัปดาห์หน้า ปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ดาวเสาร์อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ช่วงนี้จึงยังเป็นช่วงที่สังเกตดาวเสาร์ได้ดี ดาวเสาร์จะอยู่บนท้องฟ้าตลอดทั้งคืน ผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าทิศใต้ที่มุมเงย 60-70 องศา ในเวลา 5 ทุ่มครึ่ง แล้วตกลับขอบฟ้าราวตี 5 ครึ่ง

สัปดาห์นี้เป็นครึ่งหลังของข้างแรม จันทร์เสี้ยวอยู่บนท้องฟ้าทิศตะวันออกในเวลาเช้ามืด เช้าวันพุธเป็นวันสุดท้ายที่เห็นจันทร์เสี้ยวอยู่ใกล้ขอบฟ้าในเวลาเช้ามืด จากนั้นวันที่ 10 พ.ค. ดวงจันทร์เคลื่อนมาอยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ เกิดสุริยุปราคาโดยเห็นเป็นสุริยุปราคาวงแหวนภายในแนวเส้นทางแคบๆ ที่ลากผ่านบางส่วนของออสเตรเลีย ปาปัวนิวกินี หมู่เกาะโซโลมอน หมู่เกาะกิลเบิร์ต และตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิก

หลังจันทร์ดับ ดวงจันทร์ย้ายไปอยู่บนท้องฟ้าทิศตะวันตกในเวลาหัวค่ำ วันเสาร์ที่ 11 พ.ค. จันทร์เสี้ยวบางๆ อยู่เกือบตรงกลางระหว่างดาวศุกร์กับดาวอัลเดบารัน เหนือดาวศุกร์ 5 องศา วันถัดไป ดวงจันทร์อยู่ใกล้ดาวพฤหัสบดีที่ระยะห่าง 3 องศา

เช้ามืดวันเสาร์ที่ 11 พ.ค. สถานีอวกาศนานาชาติจะผ่านเหนือประเทศไทย เห็นเป็นดาวสว่างเคลื่อนที่บนท้องฟ้า กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียงเริ่มเห็นสถานีอวกาศใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเวลา 05.10 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางซ้าย ผ่านจุดสูงสุดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเวลา 05.13 น. ที่มุมเงย 70 องศา แล้วเคลื่อนต่ำลง สิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือในเวลา 05.16 น.

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68