posttoday

มรณกาล ทุ่งรังสิต

05 พฤษภาคม 2556

แดดที่ร้อนแรงในปลายเดือน เม.ย. ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยคุกรุ่นไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แต่ทันใดเหมือนสวรรค์จะเข้าใจหัวอกมนุษย์คนไทย เลยส่งพระพิรุณมาโปรยสายฝนจนฉ่ำทั่ว

โดย...ชาญวิทย์ อินต๊ะแสน

แดดที่ร้อนแรงในปลายเดือน เม.ย. ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยคุกรุ่นไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แต่ทันใดเหมือนสวรรค์จะเข้าใจหัวอกมนุษย์คนไทย เลยส่งพระพิรุณมาโปรยสายฝนจนฉ่ำทั่วดับความร้อนแรงของแดดและความร้อน แต่กระนั้นพระพิรุณคงลืมว่า โปรยหนักไปจนเกิดเป็นพายุในบางพื้นที่

เหตุการณ์แบบนี้ ทำให้ผมคิดย้อนไปเมื่อกว่า 22 ปีที่ผ่านมา ในตอนบ่ายของวันที่ 27 เม.ย. 2523 หลังจากที่เที่ยวบิน TG 231 อุดรธานีกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเครื่องบิน 2 ใบพัด รุ่น HS748 รหัส HSTHB บินออกจากท่าอากาศยานอุดรธานี

เหลืออีกเพียงประมาณ 20 กิโลเมตร เครื่องจะทำการลงจอด ณ สนามบินดอนเมือง ปรากฏว่าช่วงนั้นเองเกิดลมพายุพัดกระหน่ำด้วยความแรงแบบที่ไม่คาดฝัน ส่งผลให้เครื่องบินโคลงเคลงไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ ผู้คนในเครื่องต่างอยู่ในภาวะตื่นตระหนก จนวินาทีสุดท้ายที่เครื่องถลาลงพื้นทุ่งนา ณ ต.รังสิต จ.ปทุมธานี

ในจำนวน 40 รายของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น มีพระมหาเถระผู้เป็นอัครเนื้อนาบุญ พระอริยเจ้าได้มรณภาพพร้อมกันถึง 5 รูป

ย้อนไปก่อนเหตุการณ์เครื่องบินตก หลายคนที่อยู่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ต่างไม่คาดฝันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันเฉกเช่นนี้ เพราะไม่มีใครคิดว่าท่านจะด่วนสู่อนุปาทิเสสังนิพพานเร็วเสียเหลือเกิน

จวบจนหลายคนหลายท่านมาพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ทำให้รู้ได้ว่า ครูอาจารย์ท่านได้เปรยปรารภถึงมรณกาลในช่วงเวลาที่ใกล้เข้ามาออกเสียบ่อย แต่ก็ไม่ได้มีใครที่จะฉุดคิดขึ้นมา เพราะต่างคิดว่าท่านจะอยู่กับพวกเราอีกนาน

อีกทั้งครูบาอาจารย์ท่านสนิทกันอาจจะเป็นแค่การกระเซ้ากันก็เป็นได้ แต่อีกหลายๆ เหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกตินิสัยของท่าน ผมเลยอยากจะชวนท่านผู้อ่านย้อนอดีตไปกราบท่าน ก่อนท่านจะมรณภาพพร้อมกันก่อนเหตุการณ์ ณ ท้องทุ่งรังสิตนี้

เรามาเริ่มกันเมื่อครั้งที่ลูกศิษย์กราบนิมนต์ หลวงปู่วัน อุตตโม หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ และหลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร เมื่อท่านไปฉันภัตตาหารร่วมกัน

เมื่อฉันเสร็จแล้ว หลวงปู่สิงห์ทอง ท่านก็เปรยขึ้นมาว่า “ถ้าฉันตาย ฉันจะนอนตายข้างอาจารย์จวน” ขณะที่หลวงปู่จวนท่านก็โบ้ยปากไปทางหลวงปู่วัน “แล้วท่านว่า ฉันจะตายข้างท่านนู้น” แต่ลูกศิษย์ก็ไม่ได้คาดคิดกันว่าท่านจะมานอนมรณภาพจริงๆ ในเหตุการณ์เครื่องบินตก

สมัยหลายปีก่อนหน้าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นนั้น หลวงปู่จวนและหลวงปู่วันท่านได้เคยทำนายอายุขัยของท่านไว้กัน ว่าท่านทั้งสองจะมีอายุกว่า 90 ปี จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง คุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต ได้เดินทางไปกราบหลวงปู่จวน แล้วท่านก็ปรารภถามคุณหญิงขึ้นมาว่า “เส เส ถ้าฉันตาย ทำศพให้ฉันได้ไหม” คุณหญิงท่านก็เรียนตอบหลวงปู่ท่านว่า “ท่านอาจารย์จะอยู่อีกนาน กลัวดิฉันจะไม่ได้ทำศพถวายเจ้าค่ะ” ท่านจึงตอบไปอีกว่า “แล้วถ้ามันเปลี่ยนล่ะ”

ปกติแล้วหลวงปู่จวนท่านจะไม่ให้ใครทำประวัติของท่าน ใครไปขอก็จะดุว่าให้ กระทั่งในปี พ.ศ. 2521 ตลอดพรรษานั้น ท่านได้เทศน์แต่ประวัติท่านตลอดทั้งพรรษา แล้วท่านก็อัดเทปไว้เอง เก็บไว้ไม่ให้ใครไปถอด จนกระทั่งก่อนท่านมรณภาพจากเหตุเครื่องบินตกไม่นาน ท่านได้ยกเทปมามอบให้คุณหญิง แล้วท่านก็บอกว่า “เอาไหม” คุณหญิงกราบเรียนถามว่า “อะไรเจ้าค่ะ” ท่านก็บอกว่า “ประวัติฉัน เอาไปทำหนังสือไหม” คุณหญิงก็ตอบว่า “เอาซิเจ้าค่ะ” ซึ่งเป็นเรื่องแปลกสำหรับศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่จวน

ในระหว่างที่หลวงปู่วันและหลวงปู่จวนท่านมาพักที่กรุงเทพฯ นั้น หลวงปู่วันท่านได้ปรารภกับหลวงปู่จวนว่า “ระยะนี้เหนื่อยเต็มที นิมนต์กันไม่มีเวลาหยุดพักเลย บางทีฉันเช้าเสร็จก็จะมีคนนิมนต์ไปเหยียบบ้าน เหยียบโรงงาน เทศน์จากบ้านนี้ไปต่อบ้านโน้น โรงงานนั้น โรงพยาบาลนี้ ร้านค้านั้น บางวันกว่าจะกลับถึงที่พักก็สี่ทุ่ม และยังมีแขกรอกราบอีก เมื่อไหร่เราจะเกษียณกันเสียที”

เกษียณเป็นอย่างไร หลวงปู่จวนซัก

“เกษียณก็แบบข้าราชการไงล่ะ เขาทำงานมามาก พออายุครบ 60 ปี ราชการเขาให้พักไม่ต้องไปทำงานอีกเรียกว่าเกษียณ” หลวงปู่วันอธิบาย

หลวงปู่จวน กล่าวว่า “งั้นเกษียณกันตอน 60 ปีนี้แหละ”

นอกจากการที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านได้เปรยปรารภเป็นเหตุการณ์พอแสดงให้ศิษยานุศิษย์ได้เห็น ได้ระลึกพอทำเนาถึงมรณกาลในเวลาอันใกล้นี้แล้ว

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ยังได้เคยกล่าวในเทศนาอบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด ในตอนช่วงเช้าหลังฉันภัตตาหาร ของวันที่ 4 ก.ค. 2552 ถึงนิมิตของ หลวงปู่สุพัฒน์ สุขกาโม หรือที่หลวงตาพระมหาบัว มักเรียกองค์ท่านว่า “ท่านอุปคุต” ก่อนที่จะเกิดเหตุเครื่องบินตกว่า

“ตกเครื่องบินไปงานอะไรไม่รู้ ท่านอุปคุตท่านฝันแม่นยำมากนะ ที่ท่านจะไปตายคราวนี้ ไปเกาะไหนก็พัง คือท่านฝันกลางคืนนี้จนตื่นเต้นตกใจเสียใจ ทำไมถึงฝันร้ายขนาดนี้ ท่านว่าอย่างนั้นนะ ไม่เคยฝันอย่างนี้เลย ฝันร้ายกาจไม่มีชิ้นดีเลย ท่านว่าอย่างนั้น

“แล้วเขามานิมนต์ให้ไปในงานนี้ล่ะ แล้วกันกับความฝันมันเข้ากันได้แล้ว ไม่ใช่จะเอาเราไปตกเครื่องบินตายเหรอ ท่านพูดอย่างนั้นเลย ท่านเลยหาที่เกาะ ไปนิมนต์อาจารย์สิงห์ทอง ถ้าท่านสิงห์ทองไป เราถึงจะไปเกาะตรงนั้นนะ ถ้าท่านไม่ไปเราก็ไม่ไป เขาไปนิมนต์ท่านสิงห์ทอง ท่านสิงห์ทองรับเขาแล้วก็พังไปเลย ถ้าหากว่าท่านสิงห์ทองไม่ไปท่านจะไม่ไป ชีวิตท่านก็จะยังอยู่ เลยตายในระยะนั้น”

“ท่านฝันแปลกประหลาดมาก พอตื่นขึ้นมานี้ดูอาการโศกเศร้าเหงาหงอย มันฝันร้ายเหลือเกิน ท่านว่าอย่างนั้นนะ แต่ท่านไม่พูดเรื่องฝันร้ายว่าเป็นอย่างไรๆ แต่มันฝันร้ายไม่มีชิ้นดีเลย ท่านบอกอย่างนั้น มีแต่ล้มพังทั้งนั้น พอดีเขาก็มานิมนต์ ท่านก็ไปเกาะท่านสิงห์ทอง ท่านสิงห์ทองไปเราก็จะไป พอดีไปนิมนต์ท่านสิงห์ทอง ท่านก็รับเขา เรียกว่าเกาะแล้วพังเลย ตายด้วยกันทั้งสอง ท่านอุปคุตนี่สำคัญ ท่านฝันไม่ดีเลยท่านว่า เขามานิมนต์โดยลำพังท่าน ท่านจะไม่รับท่านบอก ทีนี้เพราะความเคารพกันเกี่ยวกับท่านสิงห์ทอง ท่านรับ แล้วท่านเลยต้องรับไปด้วย แล้วก็ไปตายด้วยกัน”

ทุกๆ คนอาจจะไม่คิดว่านิมิตครั้งนั้นของหลวงปู่สุพัฒน์ สุขกาโม จะเป็นนิมิตร้าย ที่จะมาพร้อมกับการเข้าสู่อนุปาทิเสสังนิพพานที่รวดเร็วแบบสายฟ้าแลบ ไม่มีผู้ใดได้ตั้งตัวเตรียมใจต่อการจากไปของผู้เป็นทั้งพ่อทั้งแม่เป็นทั้งครูอาจารย์ ที่คอยอบรมสั่งสอนอยู่ทุกค่ำเช้าไม่เหนื่อยหน่าย แต่การเผยแผ่หลักธรรมคำสอนและแนวทางการปฏิบัติให้ถึงมรรคผลนิพพาน หรือแม้กระทั่งการครองตนในเพศคฤหัสถ์ของเหล่าศิษย์

กระทั่งเช้าของวันที่ 27 เม.ย. 2523 เมื่อเหล่าศิษย์มาส่งครูอาจารย์ของตน ที่สนามบิน จ.อุดรธานี ปกติแล้ว หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม พระมหาเถระในเที่ยวบินครั้งนั้น ซึ่งมีอายุและพรรษากาลสูงสุด

ด้วยเหตุที่ท่านเข้าสู่วัยชรามากแล้ว ก็จะมีลูกศิษย์ติดตามด้วยเสมอ แต่ครั้งนั้นหลวงปู่ได้สั่งศิษย์ว่า “ไม่ต้องไปทางฟ้า ให้ไปทางถนน” คือไม่ให้ลูกศิษย์ที่ติดตามขึ้นเครื่องบินไปกับท่าน ซึ่งปกติแล้วท่านจะมีผู้คอยอุปัฏฐากดูแลตลอดเวลา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเมตตาต่อศิษย์ของท่าน หรือแม้ครูอาจารย์ท่านอื่นท่านก็บอกศิษย์เป็นนัยไว้เช่นกัน

เมื่อหลวงปู่จวนท่านได้เทศน์ประวัติท่านไว้แล้ว ได้ให้คนไปทำการถอดเทปเพื่อพิมพ์หนังสือประวัติท่านก่อนจะส่งต้นฉบับให้องค์ท่านได้ตรวจทาน เมื่อตรวจทานแล้วท่านก็ทิ้งไว้ที่วัด ลูกศิษย์ที่มาส่งก็เรียนถามท่านว่า “ต้นฉบับหนังสือไม่เอาด้วยหรือครับ” ท่านก็ตอบว่า “ไม่เอาไปเดี๋ยวมีคนมาเอาไปพิมพ์เอง” แล้วท่านกับหลวงปู่วันก็สั่งลูกศิษย์ท่านว่า “ไปครั้งนี้ให้ขับรถตามเครื่องบินไปแล้วรับกลับวัดด้วย” ซึ่งก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะท่านจะกลับมาวัดด้วยร่างที่ไร้ซึ่งลมหายใจไปตลอดกาล

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้