"ฮอร์ นัมฮง"ย้ำต้องตีความเพื่อความสงบ
"ฮอร์ นัมฮง" ยืนยันศาลต้องตีความคำพิพากษายุติข้อพิพาท 2 ชาติเพื่อความสันติในการอยู่ร่วมกัน
"ฮอร์ นัมฮง" ยืนยันศาลต้องตีความคำพิพากษายุติข้อพิพาท 2 ชาติเพื่อความสันติในการอยู่ร่วมกัน
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ กัมพูช ขึ้นให้การทางวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในคดีตีความคดีคำพิพากษาปราสาทพระวิหารปี 2505
นายฮอร์ นัมฮง กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและขอขอบคุณศาลสำหรับการเปิดให้คู่ความในคดีได้แสดงเหตุผลทั้งในเรื่องการชี้แจงทางวาจาและข้อสังเกตลายลักษณ์อักษร
ทั้งนี้การตีความซ้ำในคำพิพากษาเดิมของศาลมีความสำคัญในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศและความมั่นคงทางภูมิภาค โดยทางกัมพูชาเห็นว่าศาลมีบทบาทพื้นฐานในการสร้างความเข้าใจให้เกิดสันติภาพระหว่างประเทศทั้งสอง
"ถ้าศาลไม่ตีความข้อบทปฏิบัติการของคำพิพากษาในปี 2505 เชื่อว่าจะมีผลตามมาทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติในสองประเทศ เพราะทั้งสองฝ่ายมีข้อขัดแย้งกันต่อคำพิพากษาในปี 2505"
นายฮอร์ นัมฮง กล่าวด้วยว่า ข้อพิพาทระหว่างคู่ความทั้งสองฝ่ายนั้นเกี่ยวข้องกับการตีความในวรรคแรกและวรรคสองของข้อบทปฏิบัติการตามคำพิพากษาในปี 2505
อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าในคำพิพากษาดังกล่าวนั้นแผนที่ภาคผนวก 1 หรือแผนที่ 1: 200,000 เป็นส่วนแยกไม่ได้จากข้อบทปฏิบัติการและแยกไม่ได้จากการตีความของคำพิพากษา
ทั้งนี้คำพิพากษาระบุชัดเจนว่าปราสาทตั้งอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาตามที่ศาลตัดสินเป็นผลให้มีพันธกรณีที่ไทยจะต้องถอนทหารออกไปจากปราสาท ซึ่งเป็นผลตามมาในลักษณะที่ไทยต้องเคารพบูรณภาพในดินแดนของกัมพูชา ซึ่งดินแดนดังกล่าวเป็นที่ตั้งของปราสาท รวมถึงบริเวณโดยรอบปราสาท ซึ่งชัดเจนว่าตามคำพิพากษาศาลยึดแผนที่ภาคผนวก 1 เป็นพื้นฐานในคำวินิจฉัยของคำพิพากษา


