ปลูกป่า1ล้านไร่แก้น้ำท่วม
กบอ.ชง ครม.เคาะงบปลูกป่าป้องน้ำท่วม 1.1 หมื่นล้านบาท ซับน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่ให้ท่วมชาวบ้าน
กบอ.ชง ครม.เคาะงบปลูกป่าป้องน้ำท่วม 1.1 หมื่นล้านบาท ซับน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่ให้ท่วมชาวบ้าน
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เปิดเผยว่า กบอ.เตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า พิจารณาแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการปลูกป่า 1 ล้านไร่ ใช้เวลา 5 ปี งบประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อชะลอน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำอื่น โดยเริ่มต้นทำในปีหน้า จำนวน 2 แสนไร่ ใช้งบประมาณเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ จะนำเสนอแผนแม่บทการบริหารโครงการโดยมีคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานรับผิดชอบ พร้อมเสนอแผนปฏิบัติการโดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ฝ่ายอำนวยการ คณะกรรมการดังกล่าวจะทำหน้าที่รับผิดชอบการปลูกป่าโดยตรง เน้นพื้นที่ต้นน้ำ และกลางน้ำ เพื่อซับน้ำ 60-80% ชะลอน้ำป่าไหลหลากให้ได้อย่างน้อย 15-20 นาที ก่อนประกาศเตือนภัยพิบัติดินโคลนถล่ม พร้อมกับสนับสนุนให้มีการปลูกป่าชายเลน เพื่อชะลอการกัดเซาะชายฝั่งด้วย
นายปลอดประสพ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เสนอแนวคิดให้ประชาชนมาร่วมปลูกป่าครั้งนี้ ด้วยการให้เปิดพื้นที่เล็กๆ ใกล้กรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนสามารถขับรถหรือเดินทางไปร่วมกิจกรรมปลูกป่าได้สะดวก ด้วยการจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ประจำวันเกิด ประจำราศี หรือปลูกต้นรักในวันครบรอบวันแต่งงาน ครบรอบวันพบรักกันครั้งแรก พร้อมสลักชื่อเจ้าของต้นไม้ด้วย
ทั้งนี้จะให้โรงเรียนใกล้เคียงดูแลต้นไม้ดังกล่าว พร้อมกับให้มีการโพสต์ข้อความและถ่ายรูปความคืบหน้าต้นไม้ที่บรรดาหนุ่มสาวมาร่วมกิจกรรมลงบนสื่อออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ว่าแต่ละปีต้นรักที่ปลูกโตขึ้นกี่นิ้วกี่เซนติเมตร ผลิแตกหน่อ ออกกิ่งก้านใบอย่างไรบ้าง พร้อมกับส่งเสริมให้ชาวบ้านในตำบลสร้างเรือนเพาะชำจำหน่ายแก่ประชาชนด้วย
นายนิคม พุทธา ประธานโครงการจัดการลุ่มแม่น้ำปิง กล่าวว่า ที่ผ่านมาโครงการปลูกป่าทั้งจากภาครัฐและเอกชนประสบความสำเร็จเพียง 50% ปัจจัยที่ทำให้สำเร็จขึ้นอยู่กับแผนการจัดการเป็นหลัก โดยเฉพาะการดูแลในระยะยาว ที่จะต้องเปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้ามาดูแล เพราะรัฐหรือเอกชนปลูกแล้วมักจะไม่ได้ดูแล
นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำสาละวิน กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องระบุให้ชัดเจนในเรื่องข้อเท็จจริงของพื้นที่และแนวทางในการปฏิบัติ โดยเฉพาะที่จะระบุว่าเป็นพื้นที่ที่ต้องปลูกป่าทดแทนดังกล่าว เพราะหากพื้นที่ที่ประกาศตามแผนไปทับกับพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน ก็จะมีปัญหาเรื่องความขัดแย้งตามมา


