เมาอย่าขับส่งรถฟรีให้ถึงบ้าน
สถิติการเกิดอุบัติเหตุจากผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในแต่ละปีเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับจำนวนผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นซึ่งต้องเดือดร้อนตกเป็น “เหยื่อ” จากเมาแล้วขับ
โดย...ธนก บังผล
สถิติการเกิดอุบัติเหตุจากผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในแต่ละปีเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับจำนวนผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นซึ่งต้องเดือดร้อนตกเป็น “เหยื่อ” จากเมาแล้วขับ ไม่ว่าจะรณรงค์กันอย่างไร แต่เมื่อวันไหนพี่ไทยๆ ก็เมา เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คาดการณ์กันว่าโครงการรถยนต์คันแรกอาจเป็นปัจจัยหลักเข้ามาทำลายสถิติอุบัติเหตุให้ทะลุยอด
แต่ทันทีที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) จับมือกับมูลนิธิเมาไม่ขับ และบริษัท ทิพยประกันภัย ก็เกิดไอเดียกิ๊บเก๋ “เมาไม่ขับ ทิพยขับให้” โดยโครงการมีระยะเวลาเพียง 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 1117 เม.ย. ทำให้บรรดานักดื่มสนใจเป็นอย่างมาก
เมาแล้วก็ยังมีคนขับรถกลับไปส่งบ้านฟรี ซึ่ง พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) เล่ารายละเอียดและเงื่อนไขที่นักดื่มต้องรู้ไว้ก่อนจะออกไปฉลองหัวราน้ำ
“ผู้ที่จะมาขับรถในโครงการนี้เป็นแท็กซี่อาสา มาจากชมรมแท็กซี่และวิทยุแท็กซี่ที่ได้ประสานไว้แล้ว รับรองว่าจำนวนรถแท็กซี่จะมีมากเพียงพอต่อผู้ใช้บริการอย่างแน่นอน” ผู้การปิยะ ยืนยัน
เงื่อนไขอันดับแรกที่ผู้โดยสารจะได้รับบริการฟรี คือ ต้องไปที่ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ “เมาไม่ขับ ตำรวจไม่จับ” เพราะพนักงานที่ร้านผ่านการฝึกอบรมจาก บก.จร. ที่คอยเฝ้าสังเกตอาการของลูกค้าที่ดื่มแอลกอฮอล์จนไม่สามารถขับขี่ได้ โดยในปีแรกจะให้บริการเฉพาะในเขต กทม.
“บก.จร. ได้อบรมพนักงานในร้านและสถานบริการในเครือข่ายที่ร่วมเข้าโครงการกับเรา หลังจากผ่านการอบรมแล้ว หากเห็นว่าลูกค้าเมาจนขับรถกลับไม่ได้ จะประสานผ่าน 3 ช่องทาง คือ คอลเซ็นเตอร์ โทร.1736 สายด่วน บก.จร. โทร.1197 และ สวพ.91 หมายเลข 1644 นอกจากจะให้รถแท็กซี่ไปส่งที่บ้านแล้ว ก็จะมีบริการฝากรถไว้ที่ร้านอีกด้วย” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ขั้นตอนตรงนี้พนักงานที่ร้านจะต้องแจ้งรายละเอียด ชื่อ นามสกุลของลูกค้า ทะเบียนรถ สถานที่ให้ไปรับส่ง และหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ หลังจากนั้นทาง สวพ.91 ก็จะประสานแจ้งสถานที่ให้แท็กซี่ กทม.ละแวกใกล้เคียงมารับ
“ข้อมูลจากที่ได้รับ จะแจ้งเข้าไปทั้ง 3 ช่องทาง คือ 1.คอลเซ็นเตอร์ 2.วิทยุ กทม. และ 3.สถานบริการในโครงการดื่มไม่ขับจะตรงกัน โดย บริษัท ทิพยประกันภัย ดูแลค่าโดยสารให้ รวมถึงในกรณีที่ต้องขึ้นทางด่วน เพราะฉะนั้นแท็กซี่จะมามั่วว่าไปรับส่งผู้โดยสารขึ้นเองก็ไม่ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือผู้ที่เข้าไปดื่มในสถานบริการนั้นต้องเป็นผู้ที่ขับรถไปเอง” ผบก.จร. แจงรายละเอียด
ในขณะที่แท็กซี่ทั่วไปก็จะยังขับรับผู้โดยสารได้ตามปกติ ศูนย์วิทยุ กทม. จะมีบันทึกว่ารถแท็กซี่ในเครือข่ายคันไหน คนขับชื่ออะไร รหัสอะไร ไปรับผู้โดยสารจากที่ไหนไปที่ไหน ใช้เป็นหลักฐานในการเบิกเงินให้คนขับ เพราะฉะนั้นทั้งของหายหรือลืมของไว้ในแท็กซี่ หมดกังวลได้ทันที
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีประชาชนออกมาจับจ่ายเดินทางไปฉลองมากมาย มีความเป็นไปได้ที่สายด่วนทั้ง 3 สายจะทำให้เครือข่ายขัดข้อง
“ก็มีความเป็นไปได้ครับว่าจะโอเวอร์ไลน์ ถ้าประชาชนเดินทางเยอะ โดยเฉพาะสายด่วน บก.จร.1197 แต่ทั้งนี้ในส่วนของคอลเซ็นเตอร์ 1736 กับ สวพ.91 หมายเลข 1644 นั้นจะมีคู่สายมากพอรองรับได้” พล.ต.ต.ปิยะ แนะนำ
ประเด็นสุดท้ายคือ แล้วนักดื่มจะรู้ได้อย่างไรว่าสถานบริการใดบ้างที่เข้าร่วมโครงการ “เมาไม่ขับ ตำรวจไม่จับ” ผู้การปิยะ บอกว่า ให้สังเกตที่ร้านจะมีสติกเกอร์สีส้มเล็กๆ ที่ บก.จร.แจก หลังพนักงานผ่านการอบรมวิธีสังเกตอาการเมา
“นอกจากจะลดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับแล้ว ยังเป็นการดูแลรถซึ่งลูกค้าจอดไว้ที่ร้านให้ปลอดภัยอีกด้วย โครงการนี้เพิ่งเป็นระยะเริ่มต้น ก็จะมีทางร้านที่เข้าร่วมโครงการกับเราที่รู้ ส่วนคนเที่ยวนั้นยังไม่ค่อยรู้ หากโครงการเดินหน้าไปอีก เราก็จะทำป้ายประกาศให้รู้ว่าสถานบริการแห่งนั้นเข้าร่วมโครงการต่อไป” ผู้การปิยะ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับคนที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัด โครงการ “เมาไม่ขับ ทิพยขับให้” น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักดื่มที่มักติดลม หรือเมาทิ้งตัว เนื่องจากการตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ก็เพิ่มความเข้มข้นด้วย


