หลวงพ่อคูณน่าห่วงติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำ

แพทย์ ระบุ อาการหลวงพ่อคูณยังน่าห่วง หลังพบติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำ หวั่น ส่งผลกระทบในระบบต่างๆของร่างกาย

ความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่เข้าพักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดอักเสบ ที่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 ด้วยอาการสำลักและติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน ซึ่งเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะต้องฉีดยาฆ่าเชื้อและในรูปฉันจนล่าสุดเกิดอาการซึมเศร้ามาจากสาเหตุโรคติดเชื้อหลอดลมอักเสบ ไข้ขึ้นสูง และดีขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มี.ค.56 เมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีอาการกำเริบติดเชื่อทางเดินปัสสาวะ ไข้สูง 38.4 องศาฯ หนาวสั่น ซึม อาการอาพาธเข้าเดือนที่ 4 ตามข่าวแล้วนั้น

ล่าสุดเช้าวันนี้ ( 22 มี.ค. 2556 ) ที่ห้อง 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา เจ้าหน้าที่พยาบาลและลูกศิษย์ได้ให้พ่นยาขยายหลอดลมแก่หลวงพ่อคูณ พร้อมทั้งได้ให้หลวงพ่อคูณฉันยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ และยาลดไข้ ก่อนที่จะทำการเช็ดตัวหลวงพ่อคูณ เพื่อให้ร่างกายของหลวงพ่อคูณมีอุณหภูมิที่ลดต่ำลง ก่อนที่นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด รพ.นครราชสีมา  แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมด้วย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจ , แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด, แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ เข้าตรวจอาการ อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ภายในห้องพัก ก่อนเปิดเผยว่า อาการหลวงพ่อคูณฯมีภาวะติดเชื้อทางเดินท่อปัสสาวะ สาเหตุจากที่ท่านต้องใส่สายสวนปัสสาวะมาโดยตลอดมีโอกาสเกิดขึ้นได้ จากการตรวจอาการไข้ลดลงจาก 38.4 องศาฯ เหลือ 36.7 – 36.8 องศาฯ ส่วนอาการหนาวสั่นลดลง  แต่เสมหะจากการตรวจพบว่ายังมีปริมาณที่มาก ดังนั้นคณะแพทย์จึงจำเป็นที่จะต้องดูดออก 2 ครั้งต่อวัน และจะต้องยังคงดูดออกทุกๆวัน  ซึ่งคณะแพทย์ยอมรับว่าการติดเชื้อคราวนี้ถือว่ารุนแรง ซึ่งต้องระวังมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนไปสู่ระบบอื่นๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าเชื้อโรคในโรงพยาบาลฯเองค่อนข้างรุนแรงและเป็นเชื้อที่ดื้อยามาก ดังนั้นต้องรักษาแบบประคับประคองตามอาการของหลวงพ่อคูณไป ตอนนี้หลวงพ่อรู้ตัวดี รู้เรื่อง พูดคุยได้ แต่มีอาการอ่อนเพลีย ซึมเล็กน้อย ส่วนการตรวจฟังระบบปอด หัวใจและสมองยังไม่มีปัญหา

ทั้งนี้คณะแพทย์ต้องระวังมากเพราะอาการอาจจะพาส่งผลให้ในเรื่องของสภาพปอดแย่ลง พบปอดติดเชื้อถุงลมโป่งพองจะทำให้การทำงานของหลอดลมก็จะหดตัวตามไปด้วย แต่ตอนนี้ปอดยังไม่ถึงกับแย่ลง ไม่มีการติดเชื้อ ซึ่งคณะแพทย์ต้องป้องกันและเฝ้าระวังเต็มที่  ซึ่งคณะแพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อทางหลอดเลือดดำเป็นวันที่สอง ซึ่งอย่างน้อยต้องให้ยา 7 วัน จากนั้นจะประเมินอาการอีกครั้งว่า จะหยุดหรือปรับเปลี่ยนไปให้แบบฉันแทน ส่วนเรื่องการทำกายภาพบำบัดแก่หลวงพ่อยังคงทำอยู่บนเตียงไปก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้คณะแพทย์ได้ให้อ็อกซิเจน เพื่อให้หลวงพ่อหายใจคล่อง แต่ตอนนี้ไม่ได้ให้แล้ว รับอาหารได้ดี ซึ่งคณะแพทย์ได้สั่งงดให้หลวงพ่อคูณออกมาสูดอากาศนอกห้องพัก เพื่อต้องให้หลวงพ่อได้พักผ่อนมากขึ้น โดยคณะแพทย์จาก รพ.ศิริราชฯ นายแพทย์สุชาย สุนทราภา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินปัสสาวะ ก็ให้คำแนะนำมา โดยเฉพาะการล้างกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งคณะแพทย์ประสานกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว