ความเป็นเหตุเป็นผลของมนุษย์
นักทฤษฎีแนว “Rational Choice” เชื่อว่ามนุษย์ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ตรงที่มนุษย์มีขีดความสามารถที่จะมีความเป็นเหตุเป็นผลสมบูรณ์แบบ โดยความเป็นเหตุเป็นผลสมบูรณ์แบบนี้ มีลักษณะสำคัญที่สุดอยู่ที่การสามารถใช้วิธีแบบก้าวกระโดดเพื่อให้ตนได้มาซึ่งสิ่งที่ให้ความพึงพอใจสูงสุด แทนการใช้วิธีวิวัฒนาการแบบทีละเล็กทีละน้อยแบบที่ปรากฏในสัตว์อื่นๆ ความแตกต่างในความเป็นเหตุเป็นผลของมนุษย์กับสิ่งที่อาจดูเหมือนเป็นความเป็นเหตุเป็นผลของสัตว์ว่า สิ่งมีชีวิตอื่นในโลกอาจรู้จักทำในสิ่งที่จะทำให้ตัวมันได้ประโยชน์ก็จริง แต่สิ่งที่สัตว์อื่นไม่สามารถทำได้ แต่มนุษย์เราสามารถทำได้ก็คือ การรอคอย (Waiting) และ การใช้วิธีแบบเดินอ้อม (Indirect Strategies) เพื่อให้ตนได้ประโยชน์สูงสุดหรือประโยชน์ที่ดียิ่งกว่า ความเป็นเหตุเป็นผลสมบูรณ์แบบของมนุษย์จึงอยู่ที่ความสามารถในการรอคอยและการใช้วิธีแบบอ้อมเพื่อให้ตนได้รับความพึงพอใจสูงสุดนั่นเอง การรอคอย (Waiting) หมายถึง การยอมเสียสละโอกาสที่จะได้มาซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่ดีน้อยกว่าในปัจจุบันเพื่อแลกกับการได้มาซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่ดีกว่าในอนาคต ส่วนการเดินอ้อม หมายถึง การยอมทนกับบางสิ่งบางอย่างที
นักทฤษฎีแนว “Rational Choice” เชื่อว่ามนุษย์ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ตรงที่มนุษย์มีขีดความสามารถที่จะมีความเป็นเหตุเป็นผลสมบูรณ์แบบ โดยความเป็นเหตุเป็นผลสมบูรณ์แบบนี้ มีลักษณะสำคัญที่สุดอยู่ที่การสามารถใช้วิธีแบบก้าวกระโดดเพื่อให้ตนได้มาซึ่งสิ่งที่ให้ความพึงพอใจสูงสุด แทนการใช้วิธีวิวัฒนาการแบบทีละเล็กทีละน้อยแบบที่ปรากฏในสัตว์อื่นๆ ความแตกต่างในความเป็นเหตุเป็นผลของมนุษย์กับสิ่งที่อาจดูเหมือนเป็นความเป็นเหตุเป็นผลของสัตว์ว่า สิ่งมีชีวิตอื่นในโลกอาจรู้จักทำในสิ่งที่จะทำให้ตัวมันได้ประโยชน์ก็จริง แต่สิ่งที่สัตว์อื่นไม่สามารถทำได้ แต่มนุษย์เราสามารถทำได้ก็คือ การรอคอย (Waiting) และ การใช้วิธีแบบเดินอ้อม (Indirect Strategies) เพื่อให้ตนได้ประโยชน์สูงสุดหรือประโยชน์ที่ดียิ่งกว่า ความเป็นเหตุเป็นผลสมบูรณ์แบบของมนุษย์จึงอยู่ที่ความสามารถในการรอคอยและการใช้วิธีแบบอ้อมเพื่อให้ตนได้รับความพึงพอใจสูงสุดนั่นเอง การรอคอย (Waiting) หมายถึง การยอมเสียสละโอกาสที่จะได้มาซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่ดีน้อยกว่าในปัจจุบันเพื่อแลกกับการได้มาซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่ดีกว่าในอนาคต ส่วนการเดินอ้อม หมายถึง การยอมทนกับบางสิ่งบางอย่างที่ดีน้อยกว่าในปัจจุบัน เพื่อแลกกับการได้มาซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่ดีกว่าในอนาคต นักทฤษฎี Rational Choice เห็นว่าพฤติกรรมคล้ายกันนี้ที่พบได้ในสัตว์ ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจแบบเดียวกับพฤติกรรมการรอคอยและการใช้วิธีเดินอ้อมแบบที่พบในมนุษย์ และเป็นแต่เพียงการปรับตัวทางชีวภาพเท่านั้น
ตัวอย่างการเดินอ้อม ได้แก่ การต่อต้านการปฏิรูปทางสังคมแบบทีละเล็กละน้อยที่ไม่ค่อยให้ประโยชน์มากนัก หรือที่จะทำให้ฝ่ายอนุรักษ์ไหวทันและลุกขึ้นป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ โดยยอมทนกับสถานภาพเดิมที่แย่กว่าไปก่อน รอให้ถึงวันที่สถานการณ์สุกงอมเต็มที่สำหรับการปฏิวัติอย่างถอนรากถอนโคนแล้วจึงค่อยลุกขึ้นมาต่อสู้แบบทุ่มจนสุดตัว ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น “การเดินอ้อมทางการเมือง” หรือนักลงทุนที่ยอมสละโอกาสที่จะจับจ่ายเงินที่มีอยู่เพื่อซื้อความสุขความสบายในปัจจุบัน โดยนำเงินไปลงทุนระยะยาวเพื่อแลกกับผลตอบแทนจำนวนมากจากการลงทุนในอนาคต ซึ่งถือเป็น “การเดินอ้อมทางเศรษฐกิจ”
การรอคอย และ การใช้วิธีแบบเดินอ้อม หรือการ “ยอมเดินถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อเดินไปข้างหน้าสองก้าว” จะถือเป็นความเป็นเหตุเป็นผลสมบูรณ์แบบได้ ต่อเมื่อผู้กระทำจงใจทำ โดยมองเห็นเป้าหมายที่ต้องการบรรลุล่วงหน้าอยู่ก่อน เช่น เมื่อพ่อแม่ตัดสินใจที่จะมีบุตรน้อยลง เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้ตนสามารถทุ่มเททรัพยากรในการเลี้ยงดูบุตรให้มีความพร้อมทางร่างกายและสติปัญญามากที่สุด ส่วนการรอคอยหรือการเดินถอยหลังหนึ่งก้าวที่เกิดขึ้นแบบบังเอิญ แบบสุ่มเสี่ยงหรือตกกระไดพลอยโจนเช่น พ่อแม่ที่มีลูกน้อยไม่ใช่ด้วยการตัดสินใจของตนเอง และได้ผลดีเช่นที่ว่ามาจากการทำเช่นนั้นไม่ถือว่าเป็นตัวอย่างของความเป็นเหตุเป็นผลชนิดสมบูรณ์แบบ เพราะหัวใจสำคัญอยู่ที่ความตั้งใจหรือจงใจในการตัดสินใจกระทำโดยมุ่งหวังผลที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต
กระนั้น การกล่าวเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า คนมีเหตุผลจะไม่เลือกกระทำสิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนส่งเดช (Random) เลย เพราะเป็นไปได้ที่หลังจากที่ได้ชั่งน้ำหนักทางเลือกทั้งหมดที่มีอยู่ และคำนวณเวลาและทรัพยากรที่ต้องใช้สำหรับแต่ละทางเลือกที่มีอยู่แล้ว คนมีเหตุผลอาจพบว่า การใช้วิธีเลือกแบบส่งเดชสำหรับกรณีเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่สลักสำคัญอาจเป็นทางเลือกที่เป็นเหตุเป็นผลที่สุดก็ได้ เนื่องจากการเลือกทุกครั้งต้องมีต้นทุนทั้งด้านเวลาและพลังงานที่ต้องใช้ในการคิดชั่งน้ำหนักผลได้และผลเสียที่จะตามมาจากทางเลือกแบบต่างๆ รวมถึงการเก็บข้อมูลและชั่งน้ำหนักข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก่อนจะลงมือเลือก ด้วยเหตุนี้ การตัดสินใจเลือกที่จะไม่เลือกหนทางใดเป็นพิเศษ แต่ตัดสินใจแบบสุ่มส่งเดชในกรณีที่ไม่สลักสำคัญมากนัก จึงย่อมเท่ากับเป็นการประหยัดต้นทุน เพื่อเก็บไว้นำไปใช้กับเรื่องอื่นที่มีความสำคัญมากกว่า เช่น เจ้าของบริษัทที่ฉลาดอาจเลือกที่จะให้อิสระแก่นักวิทยาศาสตร์ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาอยากทำ เพราะเล็งเห็นว่านโยบายนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถคัดสรรนักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิเข้ามาทำงานด้วยมากที่สุด และได้ผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงสุด ทำให้ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมาเป็นประโยชน์แก่องค์กรมากกว่าที่จะคอยบงการนักวิทยาศาสตร์ไปเสียทุกเรื่อง จนในที่สุดแล้ว มีแต่นักวิทยาศาสตร์หัวปานกลางเท่านั้นที่ยอมมาทำงานด้วย และก็สามารถผลิตได้แต่ผลงานระดับกลางออกมา
จากข้างต้น ดูเหมือนว่าในสายตาของนักทฤษฎี Rational Choice แม้แต่การกระทำที่ดูไร้เหตุผลก็เป็นการกระทำที่มีเหตุผลอยู่ดี ในแง่นี้ มนุษย์ทุกคนจึงเสมอภาคกัน เพราะไม่มีใครไม่ใช้เหตุผลในการกำหนดพฤติกรรมของตนเพื่อประโยชน์สูงสุด แต่สิ่งที่เป็นปัญหาที่นักทฤษฎีนี้อาจไม่สนใจก็คือ แม้ว่ามนุษย์ทุกคนจะปรารถนาสิ่งที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่เสมอไปที่สิ่งที่เขาคิดว่าดีที่สุดจะดีที่สุดจริงๆ สำหรับเขา


