Mega Trend : Asia
เมื่อวานผมหยิบหนังสือเก่าเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านใหม่ ชื่อ เมกาเทรนด์ เอเชีย เขียนโดย จอห์น นาอิสบิตต์ พิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1995 เนื้อหาอธิบายถึงแนวโน้มของสิ่งที่กำลังจะเกิดในเอเชียใน 20 ปีข้างหน้าของวันนั้น
เมื่อวานผมหยิบหนังสือเก่าเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านใหม่ ชื่อ เมกาเทรนด์ เอเชีย เขียนโดย จอห์น นาอิสบิตต์ พิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1995 เนื้อหาอธิบายถึงแนวโน้มของสิ่งที่กำลังจะเกิดในเอเชียใน 20 ปีข้างหน้าของวันนั้น
ผ่านมา 17 ปีแล้ว สิ่งที่จอห์นอธิบายไว้ เกิดขึ้นตามที่วิเคราะห์จริงๆ
บทที่หนึ่ง จากที่มีแต่รัฐชาติต่างๆ เอเชียจะค่อยๆ กลายเป็นเครือข่ายของรัฐ เมื่อปี ค.ศ. 1995 ตอนหนังสือออก เรามีความร่วมมืออนุภาคลุ่มน้ำโขง (ซึ่งมีจีนอยู่ด้วย) อาเซียนกับเอเปก
ส่วนอาเซม หรือเอเชียยุโรปนั้น เพิ่งเริ่มต้นแต่วันนี้ เครือข่ายระหว่างรัฐในเอเชียได้ขยายตัวมากมาย เช่น อาเซียน ปัจจุบันขยายเป็น 10 และจะมี 11 และ 12 ในไม่ช้า คือ ติมอร์ และปาปัวนิวกินี มีเครือข่ายระเบียงอิสลามในแถบเอเชียกลางกับตะวันออกกลาง มี ACMECS ซึ่งเชื่อมเครือข่ายความร่วมมือแห่งลุ่มน้ำอิรวดี ลุ่มน้ำโขง และลุ่มเจ้าพระยา มีความร่วมมือแม่โขงญี่ปุ่น (มีญี่ปุ่น แต่ไม่มีจีน) มีความริเริ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง LM1 (มีสหรัฐ แต่ไม่มีจีนและญี่ปุ่น) เป็นอันว่า เกือบไม่มีชาติไหนยอมอยู่โดดเดี่ยว ไม่เข้าเครือข่าย แม้แต่พม่าที่เคยปิดตัวเอง ก็ยังต้องเป็นสมาชิกเครือข่ายนานาชาติอุตลุดไปหมด
บทที่สอง เอเชียจะเปลี่ยนจากระบบส่งออกเป็นตัวนำ เป็นระบบการผลิตที่ผู้บริโภคกำหนด สมัยก่อนสินค้าส่งออกมักมีลักษณะแตกต่างเชิงคุณภาพจากสินค้าที่ขายในประเทศ
แต่วันนี้ด้วยการเติบโตของคนชั้นกลางในเอเชีย สินค้าที่ขายในประเทศแทบไม่ต่างจากที่ส่งออก รวมทั้งยังมีการเติมคุณลักษณะบางอย่าง เพื่อลูกค้าหลากหลายทุกกลุ่มอีกด้วย เช่น สินค้าที่ปรับแบบให้เข้ากับสังคมสูงวัย ปรับให้เข้ากับวัยทอง กล่าวคือ ปรับให้เข้ากับสังคมปัจเจกนิยมของผู้บริโภค
บทที่สาม เอเชียจะละทิ้งรูปแบบการพัฒนาตามตะวันตก ก้าวข้ามยุคเห่อฝรั่ง และค้นหาความย้อนยุคในประวัติศาสตร์บางท่อนบางตอนของตัวเอง วันนี้เราอาจถือว่าช่วงวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐ และวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป ที่เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนที่ทำให้เอเชีย ไม่ว่าจีน อินเดีย รัสเซีย อาเซียน พากันสะบัดมือจากการเดินตามวิถีตะวันตกต้อยๆ ได้ชัดเจน
บทที่สี่ บอกว่าเอเชียจะเปลี่ยนจากที่อะไรๆ ก็ควบคุมโดยรัฐมาเป็นการปล่อยให้ตลาดเป็นผู้ชี้นำ รัฐเปิดเสรีมากขึ้น ทั้งสินค้าบริการ การลงทุน รัฐเปลี่ยนบทบาทตัวเองจากผู้ผลิต เป็นการมอบบทบาทให้เอกชนรับไปทำแทน จ้างเอกชนทำให้ หรือขายหุ้นกระจายให้ประชาชนเป็นเจ้าของ
บทที่ห้า บอกว่าคนเอเชียจะเปลี่ยนภูมิลำเนาจากที่เคยอยู่ในชนบท ไปกระจุกตัวเข้ามหานครมากขึ้น ซึ่งจะเปลี่ยนบุคลิกเอเชียอย่างรุนแรง เอเชียเป็นทวีปที่มีประชากรหนาแน่นอยู่เป็นทุนเดิม การขยับอัดแน่นเข้ามหาครจะทำให้สูญเสียวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันแบบเดิมอย่างรวดเร็ว และแก้ไขอะไรแทบไม่ได้ด้วยตนเอง เพราะองค์ประกอบที่ขาดไป คือ ธรรมชาติ นั่นเอง
บทที่หก เอเชียจะเปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ไปเป็นใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก ปัจจุบันอาเซียนก็อยู่ในทิศทางนี้เช่นกัน
บทที่เจ็ด บอกว่าเอเชียจะค่อยๆ เคลื่อนจากสังคมที่ชายเป็นใหญ่ไปสู่สังคมที่ผู้หญิงผุดลุกขึ้นมามีบทบาทนำ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในการเมืองเท่านั้น แต่รวมถึงองค์กรทางเศรษฐกิจและที่ทำงานต่างๆ ด้วย
บทสุดท้าย บอกว่าความมั่นคั่งของเอเชียจะเคลื่อนจากฝั่งตะวันตกของทวีปไปสู่ฝั่งตะวันออกของทวีปคิดตาม แล้วลองวิเคราะห์อนาคตของเอเชียในอีก 20 ปีข้างหน้าดูครับ


