posttoday

Albert O. Hirschman กับการค้าต่างประเทศและอำนาจรัฐ

28 ธันวาคม 2555

เพื่อร่วมรำลึกถึงศาสตราจารย์ Albert O. Hirschman ซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในวัย 97 ปี ขอเลือกงานคลาสสิกของท่านเกี่ยวกับการสร้างอำนาจอิทธิพลของรัฐโดยอาศัยการค้าต่างประเทศ มานำเสนอในบทความเดือนนี้

เพื่อร่วมรำลึกถึงศาสตราจารย์ Albert O. Hirschman ซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในวัย 97 ปี ขอเลือกงานคลาสสิกของท่านเกี่ยวกับการสร้างอำนาจอิทธิพลของรัฐโดยอาศัยการค้าต่างประเทศ มานำเสนอในบทความเดือนนี้

ในหนังสือ National Power and the Structure of Foreign Trade ที่ตีพิมพ์ออกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 หากยังใช้อ้างอิงกันต่อมาจนถึงปัจจุบัน ศาสตราจารย์ Hirschman ใช้กรณีการสร้างอิทธิพลในยุโรปตะวันออกของเยอรมนีช่วงทศวรรษ 1930 มาแสดงให้เห็นว่า นอกจากเป้าหมายเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแล้ว รัฐยังใช้มาตรการของนโยบายการค้าต่างประเทศเพื่อหวังผลทางการเมืองในการขยายอิทธิพลต่อประเทศต่างๆ ด้วย

การดำเนินนโยบายการค้าของเยอรมนีที่สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่บัลแกเรีย โรมาเนีย และฮังการี อย่างมาก นำไปสู่ความสำเร็จในการแผ่อิทธิพลทางการเมือง จนเยอรมนีสามารถดึงประเทศทั้งสามเข้ามาเป็นพันธมิตรของตน ซึ่งช่วยให้ฮิตเลอร์กดดันและคุกคามสหภาพโซเวียตได้ถนัดมือยิ่งขึ้นเมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2

การค้าต่างประเทศสามารถใช้สร้างเสริมพลังอิทธิพลของรัฐได้หลายแบบ ที่เห็นง่ายที่สุดคือ ในกรณีถ้าประเทศใดต้องพึ่งพาสิ่งจำเป็นจากภายนอก เช่น อาหารและน้ำ ทรัพยากร อาวุธ อุปกรณ์อะไหล่และเทคโนโลยีสำหรับระบบการป้องกันประเทศ และถ้าการพึ่งพานั้นเป็นการขึ้นต่อประเทศผู้ผลิต/ผู้ให้ประเทศเดียวเป็นหลัก ย่อมเปิดช่องให้ประเทศฝ่ายหลังมีอิทธิพลเหนือฝ่ายที่ต้องพึ่งพาได้

ในทำนองเดียวกัน การผลิตสินค้าของประเทศใด ถ้าต้องพึ่งประเทศอื่นเป็นผู้ซื้อรายใหญ่อยู่เพียงเจ้าเดียว ในขณะที่ผู้ซื้อรายใหญ่นั้นยังมีทางเลือกอื่นอยู่ด้วย อำนาจผูกขาดของประเทศผู้ซื้อย่อมมีทางแปรเป็นอิทธิพลเหนือประเทศผู้ผลิต/ผู้ขายได้ไม่ยาก โดยเฉพาะถ้าประเทศนั้นได้ลงทุนจำนวนมากในระบบการผลิตแล้ว

จากหลักข้างต้นคิดต่อได้ว่า ในภาวะที่ไม่ค่อยมีใครมีกำลังซื้อก็เป็นโอกาสให้รัฐที่มีอำนาจการซื้อสูง มีอำนาจต่อรองมากขึ้นในการแสวงหาเทคโนโลยีที่จะมาช่วยเสริมเขี้ยวเล็บในขีดความสามารถทางทหารของตนง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับภาวะปกติที่เทคโนโลยีชั้นสูงเหล่านี้มักถูกจำกัดมิให้มีการจำหน่ายถ่ายทอดแก่ประเทศอื่นโดยง่าย โดยเฉพาะแก่ปฏิปักษ์หรือคู่แข่งขัน

แต่ลองสมมติง่ายๆ ว่า แม้ประเทศเจ้ามหาอำนาจไม่ยินดีขายเทคโนโลยีชั้นสูงแก่คู่แข่งก็จริง แต่คำถามคือ พันธมิตรของเจ้ามหาอำนาจที่อยู่ในเครือข่ายการผลิตและมีเทคโนโลยีนั้นอยู่ จะขายหรือไม่ ถ้ามีใครมาเคาะประตูขอซื้อ ในขณะที่ตนกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำที่ยังไม่เห็นแสงสว่างของทางออก

เช่นเดียวกัน ในภาวะเศรษฐกิจโลกมีปัญหา รัฐที่มีเงินในมือมากและต้องพึ่งพาสินแร่จากภายนอกสูง จะมีแรงจูงใจและโอกาสมากขึ้นในการหาทางเข้าร่วมทุนหรือเข้าซื้อกิจการบริษัทที่เป็นผู้ผลิตสินแร่รายใหญ่ในตลาดโลก เพราะนอกจากจะช่วยให้การเข้าถึงสินแร่และเทคโนโลยีการสำรวจและสกัดมั่นคงขึ้นแล้ว ยังมีโอกาสกำหนดระดับอุปทานของทรัพยากรนั้นในตลาดได้ด้วย คำถามคือ รัฐที่บริษัทดังกล่าวตั้งอยู่หรือเป็นเจ้าของแหล่งทรัพยากร จะปฏิเสธไหม?

การใช้การค้าต่างประเทศสร้างอิทธิพลเหนือประเทศอื่นๆ อีกลักษณะหนึ่งได้แก่ การที่รัฐใช้มาตรการทางการค้าสร้างและเอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้แก่อีกฝ่ายจนผลประโยชน์ที่ฝ่ายหลังได้รับอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่ที่สร้างและเพิ่มรายได้จำนวนมหาศาล หรือสิทธิพิเศษทางการค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีหรือได้โควตานำเข้า ส่งผลให้ประเทศหรือกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมส่งออกในประเทศนั้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงสร้างการค้าดังกล่าวติดใจกับเงื่อนไขที่ยังรายได้และผลประโยชน์จากการค้านั้น

ในสถานการณ์ที่ทำให้ผึ้งติดน้ำหวานได้แล้วเช่นนี้ และยิ่งถ้าผลได้จากการค้านั้นยากจะหาแหล่งอื่นทดแทนในเวลาอันสั้น ผลเสียจากการจะถูกตัดประโยชน์ที่เคยได้รับมา จะทำให้รัฐนั้นต้องคำนึงและเลือกดำเนินนโยบายผ่อนปรนหรือสอดคล้องตามความต้องการของประเทศผู้เป็นเจ้าของน้ำหวาน แรงผลักดันมาจากสองทางด้วยกัน ทางแรก เงื่อนไขที่เคยให้ประโยชน์นั้นประเทศใหญ่ที่เป็นคู่ค้าอาจพลิกมาเป็นแรงกดดันได้ ด้วยการแสดงท่าทีว่าจะเปลี่ยนแปลงหรือถอนเงื่อนไขเดิม หรือกลุ่มผลประโยชน์รายใหญ่ๆ ในรัฐนั้นเองที่จะหาทางตะล่อมให้รัฐรู้จักเลือกนโยบายอัน “เหมาะสม”

มาตรการทางการค้าที่ประเทศใหญ่ใช้เพื่อขยายอิทธิพลทางการเมืองด้วยการเอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ประเทศเล็ก มิใช่เรื่องแปลกอันใด ถ้าไม่มองโลกในแง่ร้ายหรือหลายชั้นนัก การดำเนินนโยบายตอบสนองประเทศใหญ่โดยได้รับผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมกลับคืนมาก็เป็นเรื่องปกติ อันตรายสำหรับประเทศเล็กๆ จริงๆ จะเกิดขึ้นเมื่อประเทศใหญ่ๆ ขัดแย้งกันในด้านความมั่นคง และอิทธิพลที่ฝ่ายหนึ่งแสวงหาคือการสร้างเขตอิทธิพลเหนือประเทศเล็กๆ เพื่อตัดฐานกำลัง/การผลิต/ตลาด/ทรัพยากรของอีกฝ่ายหนึ่ง หรือเพื่อใช้ประเทศเล็กๆ เป็นฐานคุกคามอีกฝ่าย

ผู้เขียนหวังว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะไม่ต้องตกที่นั่งลำบากและเข้าตาร้าย เหมือนกับที่ยุโรปตะวันออกเผชิญมา

สวัสดีในปีใหม่ครับ

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันอังคารที่ 16 ธ.ค. 68