posttoday

ควรเพียรแต่เนิ่นๆ

16 ธันวาคม 2555

ใกล้เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่เช่นนี้ หลายท่านอาจจะเริ่มเข้าสู่ความรู้สึกอยากพักผ่อน อยากไปเที่ยวและไม่อยากทำงานกันแล้ว ดังนั้น วันนี้ MQ จึงนำเอาเรื่องเกี่ยวกับ “ความเพียร” หรือ “วิริยะ” มาคุยกันเพราะหลายท่านอาจยังต้องทำงานอีกหลายวัน

ใกล้เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่เช่นนี้ หลายท่านอาจจะเริ่มเข้าสู่ความรู้สึกอยากพักผ่อน อยากไปเที่ยวและไม่อยากทำงานกันแล้ว ดังนั้น วันนี้ MQ จึงนำเอาเรื่องเกี่ยวกับ “ความเพียร” หรือ “วิริยะ” มาคุยกันเพราะหลายท่านอาจยังต้องทำงานอีกหลายวัน

เรื่องของความเพียรนั้น นับว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการที่จะทำอะไรให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางโลก หรือทางธรรม ล้วนไม่อาจละเว้นความพากเพียรพยายามไปได้

ขอยกเอาใจความสรุปย่อในมิลินทปัญหาซึ่งกล่าวถึงลักษณะของความเพียร หรือวิริยะ ท่านว่าไว้โดยสรุปดังนี้

พระเจ้ามิลินท์ ตรัสถาม พระนาคเสนว่า วิริยะมีลักษณะอย่างไร ? และได้โปรดกระทำอุปมา (คือ ยกตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อประกอบความเข้าใจด้วย)

พระนาคเสน ตอบว่า วิริยะ มีการค้ำจุนไว้เป็นลักษณะ ก็กุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวงที่วิริยะค้ำจุนไว้แล้วนั้น ย่อมไม่เสื่อมไป

เปรียบเหมือนว่า เมื่อเรือนจะล้ม บุรุษเจ้าของเรือน ก็นำไม้ท่อนหนึ่งมาค้ำเอาไว้ เรือนนั้นถูกไม้ค้ำอยู่อย่างนี้แล้ว ก็ไม่อาจล้มลงได้ ฉันใด วิริยะมีการค้ำจุนไว้เป็นลักษณะ กุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวงที่วิริยะค้ำจุนไว้แล้ว ย่อมไม่เสื่อมไป ฉันนั้นเหมือนกัน

และยังเปรียบกับการที่กองทัพใหญ่อาจจะตีกองทัพที่เล็กกว่าได้ เพราะเหตุนั้น พระราชาจึงทรงสมทบ ทรงหนุนโดยประทานกำลังพลแก่กองทัพเล็กของพระองค์ไปเรื่อยๆ กองทัพเล็กพร้อมทั้งกองทัพสมทบและกองทัพสนับสนุนนั้น ก็จะพึงตีกองทัพใหญ่ได้ฉันใด วิริยะมีการค้ำจุนไว้เป็นลักษณะ กุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวงที่วิริยะค้ำจุนไว้แล้ว ย่อมไม่เสื่อมไป ฉันนั้นเหมือนกัน

อย่างนี้ก็เห็นภาพชัดเจนว่า การที่จะทำอะไรๆ ให้สำเร็จนั้น โดยเฉพาะการทำความดีซึ่งกระทำได้ยากกว่าการทำความชั่วอยู่แล้วนั้น ก็ต้องใช้ความเพียรสนับสนุนค้ำจุนพยุงไว้ จึงจะสำเร็จได้ และตั้งมั่นได้ อย่างไรก็ตาม วิริยะหรือความเพียรนั้น ตรงกันข้ามกับความเกียจคร้าน ซึ่งบางครั้งเรามักผัดวันประกันพรุ่งว่า จะขยันหมั่นเพียรเมื่อเวลาที่ต้องทำกิจนั้นๆ มาถึง คือตอนนี้ขอพักก่อนไว้ค่อยทำเมื่อใกล้เวลา อย่างนี้จะได้หรือไม่ จะนับว่าขยันพอหรือยัง ก็เป็นปัญหาที่พระเจ้ามิลินท์ได้ทรงถามท่านพระนาคเสนไว้ในอดีตเช่นกัน ในวายามกรณปัญหา

พระเจ้ามิลินท์ ถามว่า ประโยชน์อะไรด้วยการเพียรแต่เนิ่นๆ เล่า น่าจะเพียรเมื่อเวลามาถึงมิใช่หรือ ?

พระนาคเสน ตอบว่า ความเพียรต่อเมื่อเวลามาถึง เป็นความเพียรที่ใช้ทำกิจไม่ได้ ความเพียรแต่เนิ่นๆ เท่านั้น เป็นความเพียรที่ใช้ทำกิจได้ (และได้กระทำอุปมาว่า) พระองค์รับสั่งให้เขาขุดบ่อเก็บน้ำ รับสั่งให้ขุดสระน้ำ ในเวลาที่พระองค์ทรงกระหายน้ำ แล้วทรงมีพระดำริว่า “เราจักดื่มน้ำ” ดังนี้หรือไร? หรือว่าจะทรงรับสั่งให้เขาไถนา ให้เขาหว่านข้าวสาลี รับสั่งให้เขาเก็บข้าว ในเวลาที่พระองค์ทรงหิว แล้วทรงมีพระดำริว่า “เราจักกินข้าว” ดังนี้หรือไร? หรือให้จะทรงรับสั่งให้เขาขุดคูเมือง สร้างกำแพง ทำซุ้มประตู สร้างป้อม ให้รวบรวมธัญญาหารไว้ ตัวพระองค์เองก็จะทรงศึกษาเรื่องช้าง เรื่องม้า เรื่องรถ เรื่องธนู เรื่องดาบ ก็ในเวลาที่สงครามปรากฏขึ้นแล้ว กระนั้นหรือ?

พระเจ้ามิลินท์ รับสั่งตอบว่า หามิได้พระคุณเจ้า ทุกข้อที่พระเถระอุปมา

ดังนั้นคำตอบของพระนาคเสนจึงเป็นสิ่งที่พระเจ้ามิลินท์ยอมรับในที่สุด ซึ่งก็เป็นประโยชน์เป็นข้อเตือนใจให้เราทำความเพียรแต่เนิ่นๆ หากหวังความสำเร็จ ดังนี้

พระนาคเสน ตอบว่า ความเพียรต่อเมื่อเวลามาถึง เป็นความเพียรที่ใช้ทำกิจไม่ได้ ความเพียรแต่เนิ่นๆ เท่านั้น เป็นความเพียรที่ใช้ทำกิจได้ ขอถวายพระพร สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า “บุคคลรู้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์แก่ตน* ก็พึงทำสิ่งนั้นเสียแต่เนิ่นๆเถิด บุคคลผู้เป็นปราชญ์ ไม่ควรคล้อยตามความคิดของพ่อค้าเกวียน รู้แล้วก็พึงบากบั่นเสียแต่เนิ่นๆ” เปรียบเหมือนว่าพ่อค้าเกวียนละทิ้งทางใหญ่ที่เรียบดีเสียย่างขึ้นทางขรุขระ เพลาเกวียนหักไป ก็ย่อมซบเซาไป ฉันใด บุคคลผู้มีปัญญาทึบ หลีกออกจากธรรม ประพฤติเนืองๆ ซึ่งอธรรม พอถึงปากทางแห่งความตาย อินทรีย์แตกทำลายแล้ว ก็ย่อมซบเซาไป ฉันนั้น

(*หมายถึง กิจใดเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และเพื่อประโยชน์อย่างยิ่ง คือ นิพพาน)

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2