"เสธ.โอ๊ด" ยัน "เจ๊ ด." มาเฟียยึดรถจยย.รับจ้าง

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

วินรถจักรยานยนต์รับจ้างในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวนมากเป็นแหล่งเงินแหล่งทองคำของผู้มีอิทธิพลในท้องที่ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ยิ่งวินไหนอยู่ในแหล่งทำเลดีๆ ผู้โดยสารเยอะตลอดวัน ที่นั้นย่อมหมายถึงมีเงินทองไหลเข้ากระเป๋ามหาศาล

แต่ขณะเดียวกันมาเฟียเข้าไปคุมวินที่ไหน ความเดือดร้อนก็ต้องตกอยู่กับคนที่หาเช้ากินค่ำที่ยึดการขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฎหมายเป็นอาชีพ

คนกลุ่มนี้ทำงานสุจริต หาเช้ากินค่ำ แต่ต้องจ่ายส่วนแบ่งให้กับระบบมืด

จากคำบอกเล่าของ เฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย เขาบอกว่า ไม่อาจทนต่อสู้กับความมืดมิดของวงจรอุบาทว์ที่เกาะกินคนที่หาเช้ากินค่ำอย่างคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างมานานเกือบ 10 ปีได้อีกต่อไป

เฉลิม บอกเล่าด้วยสีหน้าท้อแท้พร้อมกับเล่าถึงวงการผู้มีอิทธิพลที่รีดไถกับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างเป็นฉากๆ

“ทุกวันนี้เหิมเกริมกันหนัก มาเฟียก็พวกที่เป็นคนของตำรวจเกือบทั้งหมด ทั้งพวกนักเลง เด็กคุมบ่อน หรือพวกที่ตำรวจเลี้ยงไว้ แล้วก็ยังมีกลุ่มคนมีสีที่เป็นทหารอีกด้วย

“บ้างก็อ้างตัวว่าเป็นทหารจริงๆ แต่ละชั้นยศใหญ่ๆ ทั้งนั้น มาข่มขู่ ขอตั้งวินเพิ่ม ขอแบ่งรายได้ที่ไม่ชอบธรรม เอาคนของตัวเองมาวิ่งวินร่วมกันบ้าง หากไม่ให้ก็ต้องถูกอุ้มไปทำร้าย เนี่ยครับหนีตายกันหัวซุกหัวซุนกันหมด” เฉลิมร่ายยาวพร้อมกับชี้ไปยังบรรดาคนขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างที่เคยถูกมาเฟียทำร้ายร่างกาย

เฉลิมแฉจะจะ พื้นที่แรก แยกห้วยขวาง วินต้นโพธิ์ ท้องที่ สน.สุทธิสาร มีชายที่อ้างตัวว่าเป็นนายทหาร ชื่อ “เสธ.โอ๊ด” ตั้งตนเป็นมาเฟียพร้อมกับอ้างว่ามีสายตรงถึงผู้ใหญ่ในรัฐบาล และสนิทสนมกับลูกรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งอีกด้วย

ตำรวจไม่ต้องพูดถึง เพราะชายที่ชื่อ เสธ.โอ๊ด สามารถพกปืนตามไปตบคนขับวินที่หนีการข่มขู่บนโรงพักมาแล้ว เฉลิม เล่าว่า ล่าสุดหลังจากเข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อชาววินต้นโพธิ์กลับไปทำงาน ก็มีลูกน้องของ เสธ.โอ๊ด มาอุ้มขึ้นรถตู้เพื่อไปข่มขู่ พร้อมกับลงมือทำร้ายร่างกาย และจากนั้นก็มีชายแต่งกายคล้ายชุดทหารเรือมาเฝ้าวินไว้ เพื่อให้ “คนนอก” มาร่วมวิ่งวินด้วย

“คนนอก” ที่เฉลิมระบุ คือ พฤติกรรมของ เสธ.โอ๊ด ที่นำเสื้อวินมาเพิ่ม จากเดิมที่วินต้นโพธิ์มีเสื้อวิน (คนที่ขับวิน) ทั้งหมดรวม 94 เบอร์ แค่นี้ก็เท่ากับมีคนเข้ามาแย่งกันทำมาหากินเพิ่มขึ้น แต่ เสธ.โอ๊ด นำเสื้อมาเพิ่มอีก 50 ตัว และขายให้กับคนที่สนใจมาวิ่งวินในราคาตัวละ 1 แสนบาท หากคนขับวินโวยวาย ก็โดนทุบโดนตี

“ผมเคยแนะนำและพาไปแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร ด้วย แต่ตำรวจก็ไม่ทำอะไร ผมก็ไม่เข้าใจ และพอไปแจ้งความว่าถูกทำร้าย ก็จะมีคนของ เสธ.โอ๊ด มาข่มขู่ บ้างก็ว่าจะไปแจ้งทำไมเขารู้จักกันหมด หรือบางครั้งก็ควักปืนออกมาโชว์ด้วย บอกว่าหากไปแจ้งอีกหรือไม่ยอมก็จะได้คำตอบเป็นลูกปืน” เฉลิม ย้ำ

พื้นที่ต่อมา วินแฟลตดินแดง 22 ท้องที่ สน.ห้วยขวาง เฉลิม เล่าว่า มีนักเลงชื่อ “นายไก่” เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เป็นมาเฟียที่คุมวินรถจักรยานยนต์รับจ้างที่วินแห่งนี้ แต่ไปติดคุกด้วยต้องคดีพยายามฆ่า

ขณะที่นายไก่ไปติดคุกทางวินก็มีการจัดระเบียบกันเองเพื่อไม่ยอมให้มีมาเฟียเข้าแต่พอนายไก่ออกจากคุกมาก็มาเรียกร้อง พร้อมกับข่มขู่จะเอาผลประโยชน์จากวิน โดยมาขอเสื้อเพิ่มอีก 11 ตัว เพื่อไปขายต่อตัวละ 6 หมื่นบาท เมื่อไม่ยอมก็พาพวกเข้าทำร้าย ขนาดมีคนขับวินหนีขึ้นไปบนแฟลตที่พักย่านดินแดง ก็ยังถูกลากตัวลงมาทำร้าย

 

“ดีหน่อยที่เมื่อก่อนพอเกิดเหตุบ่อยเข้า พวกวินแฟลต 22 ก็รวมตัวกันไปร้องเรียนต่อ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ยศและตำแหน่งขณะนั้น) และมีการเรียกนายไก่เข้ามาพูดคุยและเรื่องก็เงียบไป ประกอบกับการจัดการของ พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ อดีต ผกก.สน.ห้วยขวาง เข้ามาดูแล ทำให้นายไก่หมดฤทธิ์

“แต่เมื่อมีการโยกย้ายนายตำรวจใหม่ เมื่อคนเก่าไปคนใหม่มา นายไก่ก็เริ่มอีกแล้ว มาขอเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองจากคนขับวินเฉลี่ยเดือนหนึ่งๆ ต้องจ่ายให้นายไก่คนละประมาณ 3,000 บาท วินมีอยู่ทั้งหมดประมาณ 50 คัน จะเป็นเงินเท่าไรที่ต้องเอาไปให้” นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างฯ ระบุ

อีกพื้นที่ ถนนรัชดาภิเษก ซอย 2 ถิ่นนี้มาเฟียเป็นผู้หญิง ชื่อย่อ ด.เด็ก หรือวินแถวนั้นจะรู้จักกันดีในนาม “เจ๊ ด.”

ผู้หญิงคนนี้อ้างตัวว่าเป็นการ์ดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง และที่สำคัญยังอ้างอีกว่าสายตรงถึงนายใหญ่แดนไกลได้อีกด้วย

“เจ๊คนนี้จะเข้ามาขอส่วนแบ่งจากวินรถจักรยานยนต์เป็นรายหัว หัวละ 1,0003,000 บาท และยังตั้งวินเถื่อนขึ้นมาวิ่งทับเส้นทางแย่งรับส่งผู้โดยสารกับวินที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย หากไปโวยวายหรือไปแจ้งความกับตำรวจก็จะถูกนักเลงในสังกัดของเจ๊ ด.ใช้มีดใช้ดาบไล่ฟัน หากไม่ให้ก็โดนรุม เหมือนกันกับทุกที่”

เป็นเพียงตัวอย่างที่เฉลิมเล่าพอให้เห็นภาพถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนกลางเมืองหลวง ที่ใช้อิทธิพลกลั่นแกล้งรังแกต่อคนที่หาเช้ากินค่ำ

ที่น่าสนใจ เฉลิมให้ข้อสังเกตว่า เหตุใดทำไมผู้มีอิทธิพลจึงอยากจะเข้ามาเบ่งและคุมวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เหตุผลเพราะหากเป็นพื้นที่ที่มีผู้โดยสารเยอะ ตามแหล่งทำงานออฟฟิศจะมีรายได้มหาศาล และทำไมตำรวจจึงไม่กล้าทำอะไร

“วินบางคนขยันหน่อยออกวิ่งรับส่งตั้งแต่เช้ามืดถึงดึกดื่นก็จะได้วันละหลายร้อยบาท แต่ก็ต้องมาต่อแถวต่อคิวกันเพื่อรอรับผู้โดยสาร อีกทั้งกลุ่มผู้มีอิทธิพลอาจจะมองว่าขับวินได้เงินดี และหากใครอยากจะขับก็ต้องมีเสื้อมาขาย ขายกันแบบผูกขาดตัวละหลายหมื่นบาท

“หลายพื้นที่ที่มีเสื้อมาเสริมจากมาเฟียก็ต้องจ่ายรายเดือนให้กับมาเฟียด้วย เมื่อพวกนี้มาวิ่งร่วมกันกับวินที่ถูกต้อง พวกเราก็ต้องยอมเพราะทำอะไรไม่ได้”

เฉลิมต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหานี้ และไม่ใช่ลงมาแก้เพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว เพราะยังมีตำรวจระดับล่างที่ยังหากินในรูปแบบผู้มีอิทธิพลอยู่ และในยุคของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะจัดการให้ ก็ยังอยู่รอคอยด้วยความหวัง

“หลายครั้งพอตำรวจที่ดีๆ เข้ามาแก้ไขปัญหาให้ ไม่นานก็ต้องถูกย้ายไปที่อื่น และคนใหม่เข้ามารับตำแหน่งก็ไม่ได้สานงานต่อ ทำให้มาเฟียก็ฟื้นคืนชีพกลับมาแทบทุกครั้ง” เฉลิม ระบุ

นายกสมาคมฯ ระบุอีกว่า การร้องเรียนในเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องการประกอบอาชีพอย่างเดียว แต่คนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างยังทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมเหมือนกัน ทั้งแจ้งเหตุคนร้าย ช่วยเหลือผู้โดยสารที่คอยรับส่งยามดึกดื่นเป็นการป้องกันอาชญากรรมทางอ้อม

“อยากให้ตำรวจเห็นในข้อนี้ด้วย เพราะอยู่ในสังคมเดียวกัน ไม่อยากให้ใครต้องมาเอารัดเอาเปรียบกับสุจริตชน”

เฉลิม บอกว่า สมาชิกของสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย มีอยู่ราว 5,000 คน ซึ่งทั้งหมดบอกกล่าวถึงความทุกข์ระทมผ่านตัวนายกสมาคมฯ อย่างเฉลิม ให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงผ่านไปยังผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ขอให้เข้ามาช่วยเหลือพวกเขาในยามที่เดือดร้อนจากกลุ่มมาเฟีย

อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าความหวังของชาววินรถจักรยานยนต์รับจ้างในกรุงเทพมหานคร ที่อยากเห็นตำรวจนครบาลในยุคที่ “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นั่งเก้าอี้รหัส น.1 อยู่ จะแก้ไขปัญหาได้มากน้อยเพียงใด เพราะแว่วว่างานนี้บิ๊กแจ๊ดเตรียมออกโรงเอง

หากไม่เห็นความคืบหน้าแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ปัญหายังถูกเพิกเฉย คนที่เดือดร้อนคงไม่เพียงวินรถจักรยานยนต์รับจ้างเพียงลำพัง