posttoday

ไป'ระลึกชาติ'ที่ศรีลังกา

04 ธันวาคม 2555

ผู้เขียนมีโอกาสไปเยือนศรีลังกาครั้งแรกเมื่อเกือบ 40 ปีมาแล้ว ได้ไปอยู่ที่นั่นราวหนึ่งเดือน

โดย...นพ.วิชัย โชควิวัฒน

ผู้เขียนมีโอกาสไปเยือนศรีลังกาครั้งแรกเมื่อเกือบ 40 ปีมาแล้ว ได้ไปอยู่ที่นั่นราวหนึ่งเดือน โดยร่วมอยู่กับ “ขบวนการสรรโวทัย” ของ ดร.อารียรัตนะ ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่เข้มแข็งมากของศรีลังกา ครั้งนั้นได้มีโอกาสไปเยือนหน่วยงานและสถานที่ต่างๆ ของขบวนการสรรโวทัยหลายแห่ง จนเมื่อเร็วๆ นี้ผู้เขียนได้มีโอกาสไปศรีลังกาอีกครั้ง จากการรับเชิญไปประชุมคณะกรรมการเครือข่ายพัฒนาศักยภาพด้านจริยธรรมการวิจัยในคน จึงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบางเรื่องที่น่าสนใจของศรีลังกาในช่วง 40 ปี

ศรีลังกาเป็นประเทศขนาดย่อม มีขนาดราว 1 ใน 8 ของประเทศไทย ประชากรเกือบ 21 ล้านคน ประชากรราวร้อยละ 70 นับถือพระพุทธศาสนา ศรีลังกาจึงน่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับประเทศไทย เพราะประชากรส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทเหมือนกัน ข้อสำคัญศรีลังกาเป็นประเทศที่ได้สร้างคุณูปการแก่วงการพุทธศาสนา เพราะเป็นประเทศแรกที่มีการจารึกพระไตรปิฎกเป็นตัวหนังสือลงบนใบลานโดยคณะสงฆ์ในรัชสมัยพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย (พ.ศ. 454-466) ซึ่งหากพุทธศาสนายังคงสืบทอดคำสอนตาม “ประเพณีมุขปาฐะ” (Oral Tradition) คือ การสวด ท่อง สืบต่อกันมาแทนการจารึกเป็นตัวอักษร ข้อความคำสอนก็อาจวิปลาสคลาดเคลื่อนหรือสูญสลายไปได้โดยง่ายกว่า และพระไตรปิฎกที่จารึกเป็นภาษาสิงหลของศรีลังกานี้เอง คือต้นฉบับที่พระพุทธโฆษาจารย์พระอรรถกถาจารย์คนสำคัญของอินเดียผู้รจนา พระคัมภีร์วิสุทธิมรรค ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญในพุทธศาสนา ได้แปลออกเป็นภาษาบาลี จนมีสถานะเป็น พระคัมภีร์หลักของพระพุทธศาสนาทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย

ศรีลังกายังมีสิ่งดีๆ อีกมากมาย ได้แก่ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่กรุงอนุราธปุระ เมืองหลวงที่มีอายุยาวนานที่สุดของศรีลังกา ต้นพระศรีมหาโพธิ์ดังกล่าวเป็นต้นดั้งเดิมที่พระสังฆมิตตาเถรี พระธิดาพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งเป็นพระธรรมทูตผู้ได้รับการทูลเชิญไปประดิษฐานภิกษุณีสงฆ์ในศรีลังกา ได้นำต้นที่เพาะจากเมล็ดต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาไปปลูกไว้ และชาวลังกาได้รักษาไว้สืบมาจนปัจจุบัน ขณะที่ต้นโพธิ์ที่พุทธคยาถูกทำลายและต้องฟื้นขึ้นใหม่เป็นต้นที่สี่แล้ว นอกจากนี้ยังมีประวัติคณะพระภิกษุณี นำโดยพระภิกษุณีเทวสาร ได้ไปประดิษฐานคณะพระภิกษุณีสงฆ์ขึ้นในประเทศจีนเมื่อปี พ.ศ. 972 ทำให้ “บริษัทสี่” คือ พระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา มีครบทั้งสี่ สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยเผยแพร่ไปยังประเทศใกล้เคียง ได้แก่ เกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวันด้วย

ประวัติศาสตร์ของศรีลังกา มีบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1 สืบเนื่องต่อมาในเอกสารสำคัญ ได้แก่ ทีปวงศ์ มหาวงศ์ จุลวงศ์ และราชาวลี เป็นต้น ศรีลังกายังมีพระมหากษัตริย์ผู้หญิงองค์แรกในเอเชีย คือ พระนางอนุลา (พ.ศ. 496-501) และมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของโลก คือ นางสิริมาโว บันดาราไนยเก นอกจากนั้นพระมหากษัตริย์แต่โบราณยังสร้างระบบชลประทานของประเทศไว้อย่างน่าศึกษา โดยเฉพาะในรัชสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช (พ.ศ. 1696-1729) ระบบชลประทานของศรีลังกาสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย กล่าวคือ สามารถลดแรงดันน้ำที่ระบายจากเขื่อนลงได้ในระดับต่ำสุด และมีระบบท่อส่งน้ำที่ทำความลาดเอียงเพียง 1 องศา ต่อระยะทางยาวถึง 1 ไมล์

ศรีลังกาถูกรุกรานโดยชาวทมิฬจากทางตอนใต้ของอินเดียมาตลอดประวัติศาสตร์ และพุทธศาสนาก็ถูกทำลายเป็นระยะๆ จนเกือบสูญสลายไป แต่ก็มีการฟื้นฟูขึ้นใหม่จนเข้มแข็ง โดยการขอพระสงฆ์จากพม่าไปบวชให้ และในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ แห่งกรุงศรีอยุธยา ก็ได้ทรงส่งพระอุบาลีนำคณะสงฆ์ไปบวชให้กุลบุตรชาวสิงหลจนเกิดพระพุทธศาสนานิกายสยามวงศ์สืบทอดเข้มแข็งจนถึงวันนี้

ศรีลังกาถูกรุกรานโดยชาติตะวันตก คือ โปรตุเกส ฮอลันดา และสุดท้ายต้องตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2358 หลังจากนั้นอังกฤษก็เปลี่ยนประเทศศรีลังกาเป็นส่วนหนึ่งของระบบอาณานิคมของตน โดยเปลี่ยนจากการปลูกข้าวไปเป็นการปลูกกาแฟ เมื่อเกิดโรคระบาดของกาแฟก็หันมาปลูกชาแทน ระบบชลประทานที่สร้างไว้สำหรับปลูกข้าวซึ่งต้องใช้น้ำมากจึงถูกทอดทิ้ง ศรีลังกาจึงกลายเป็นประเทศที่ต้องนำข้าวเข้าไปเป็นอาหารเป็นหลักอยู่นาน

ช่วงที่ยังปลูกกาแฟ เกิดเศรษฐกิจตกต่ำในยุโรปเมื่อปี พ.ศ. 2390 อังกฤษแก้ปัญหาของตนโดยการ “ขูดรีด” ชาวศรีลังกา โดยการสร้างระบบภาษีขึ้นใหม่ ได้แก่ ภาษีปืน ภาษีสุนัข ภาษีร้านค้า ภาษีเรือ เป็นต้น รวมทั้งกำหนดให้ประชาชนต้องไปเกณฑ์แรงงานทำถนนคนละ 6 วัน ไม่เช่นนั้นก็ต้องจ่ายเป็นเงินแทน ทำให้เกิดกบฏขึ้นหลายครั้ง

ศรีลังกาได้เอกราชเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2491 หลังจากนั้นก็สามารถรักษาระบอบประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้งมาตลอด ความผิดพลาดสำคัญเกิดจากนโยบายของนายบันดาราไนยเก ซึ่งชูธงหาเสียงให้ใช้ภาษาสิงหลเป็นภาษาราชการแต่ภาษาเดียว และให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งทำให้นายบันดาราไนยเกชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น เพราะประชาชน “เสียงข้างมาก” ถึงร้อยละ 70 เป็นชาวสิงหลและนับถือพุทธศาสนา แต่เมื่อมีการร่างกฎหมายเสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย ก็เกิดการต่อต้านจากชาวทมิฬ ซึ่งแม้เป็น “เสียงข้างน้อย” มีประชากรราว 18% เท่านั้น แต่ก็ออกมารณรงค์ต่อต้าน โดยใช้ขบวนการสัตยาเคราะห์ของท่านมหาตมะ คานธีด้วย เป็นผลให้นายบันดาราไนยเกยอมอ่อนข้อ แต่เพราะยอมอ่อนข้อจึงทำให้ฝ่ายหัวรุนแรงชาวพุทธไม่พอใจ และนายบันดาราไนยเกก็ถูกลอบสังหารโดยพระภิกษุผู้ใหญ่มีส่วนร่วมในขบวนการลอบสังหารด้วย

ความขัดแย้งครั้งนั้น สร้างบาดแผลให้แก่ศรีลังกามาอย่างยาวนาน จนเกิดสงครามกลางเมืองต่อมาเป็นเวลายาวนานถึง 26 ปี ทำให้การพัฒนาประเทศอยู่ในภาวะลุ่มๆ ดอนๆ เป็นเวลายาวนาน ปัจจุบันทั้งประเทศมีสนามบินพาณิชย์เพียงแห่งเดียวที่กรุงโคลัมโบ ถนนหลวงที่เชื่อมกรุงโคลัมโบกับแคนดี ตลอดไปจนถึงอนุราธปุระและจัฟนายังคงเป็นถนน 2 เลนเท่านั้น

 

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025