เด้งผกก.บ่อผุดเซ่นคดีชนแหม่มออสซี่ดับ
ภาค 8 สั่ง เด้งผู้กำกับ สภ.บ่อผุดเกาะสมุย เซ่นคดีชนแหม่มออสซี่ดับ พร้อมรื้อสอบคดีใหม่ สมาคมท่องเที่ยวจี้ตำรวจต้องยุติธรรม
ภาค 8 สั่ง เด้งผู้กำกับ สภ.บ่อผุดเกาะสมุย เซ่นคดีชนแหม่มออสซี่ดับ พร้อมรื้อสอบคดีใหม่ สมาคมท่องเที่ยวจี้ตำรวจต้องยุติธรรม
พ.ต.อ.สำราญ มาเจริญ ผกก.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้นำสำนวนการสอบสวนคดีเหตุนายก้องหล้า สาตื้อ ชาว จ.ชัยภูมิ ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่ามีโอ ทะเบียน ควม-787 อุดรธานี ชนท้ายรถจักรยานยนต์เช่า ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิ๊ก สีน้ำเงิน ทะเบียน ครท-856 สุราษฎร์ธานี ที่มีนายแจมี่ โรเบิร์ต คีธ นักท่องเที่ยวสัญชาติออสเตรเลีย เป็นคนขับเป็นเหตุให้ น.ส.นิโคล หลุยส์ ฟลิซึม นักท่องเที่ยวสัญชาติออสเตรเลีย แฟนสาวที่นั่งซ้อนท้ายจนกระเด็นตกจากรถศรีษะกระแทกพื้นเสียชีวิต บนถนนทวีราษฎร์ภักดี(สายรอบเกาะ) ที่บริเวณหน้าโรงแรมบัดดี้รีสอร์ท หมู่ 3 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.วันที่ 18 ต.ม 2555 เข้าพบและรายงานข้อเท็จจริงต่อ พล.ต.ท.ยงยุทธ วานิชเจริญ ผบช.ภาค 8 ที่กองบัญชาตำรวจภูธรภาค 8 อ.พุนพิน
พ.ต.อ.สำราญ กล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย แจ้งข้อหาทั้ง 2 ฝ่ายขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต พร้อมแจ้งข้อหานายแจมี่ ไม่สวมหมวกนิรภัยและไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถ ซึ่งกรณีที่ น.ส.นิโคลเสียชีวิตจากสมองได้รับความกระทบกระเทือนเนื่องจากไม่ได้สวมหมวกนิรภัย โดยได้เชิญผู้จัดการโรงแรมบัดดี้รีสอร์ทกับไกด์และเจ้าของร้านรถเช่า มาร่วมเจรจาค่าเสียหาย ซึ่งโรงแรมได้ช่วยเหลือจ่ายค่าซ่อมรถทั้ง 2 คันให้เป็นเงิน 5,000 บาท
พ.ต.อ.สำราญ กล่าวว่า จากการดูภาพโทรทัศน์วงจรปิดร่วมกันพบว่านายแจมี่ได้ขับรถจากบ้านละไมจะกลับที่พักโรงแรมบัดดี้รีสอร์ท แต่เมื่อถึงหน้าโรงแรมที่อยู่ฝั่งซ้ายมือจู่ๆกลับเปิดไฟเลี้ยวขวาทำให้นายก้องหล้าที่ขับตามหลังมาเบรกไม่ทันพุ่งชนรถนายแจมี่จน น.ส.นิโคล ตกจากรถ โดยอาจเป็นความหลงลืมของชาวต่างประเทศที่ขับรถในช่องจราจรแตกต่างกันจนเกิดอุบัติเหตุซึ่งได้อธิบายจนเข้าใจ
“ การให้เซ็นชื่อในเอกสารภาษาไทยนั้นเป็นบันทึกสำนวนของตำรวจ รวมทั้งข้อตกลงในความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนการยึดพาสปอร์ตของนายแจมี่ไว้เนื่องจากเป็นขั้นตอนการทำงานของพนักงานสอบสวนจะต้องเก็บเป็นหลักฐานการสอบสวนบันทึกในคดีจนมีการเซ็นรับทราบข้อหาแล้วจึงได้คืนพาสปอร์ตไป โดยไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนเรื่องเงินทองและไม่มีข้อเรียกร้องต่อกัน ซึ่งคาดว่านายแจมี่อาจจะไม่เข้าใจกฎหมายไทย เพราะจริงๆแล้วจะต้องส่งฟ้องศาลก่อนแต่เห็นเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศมีกำหนดจะเดินทางกลับจึงคืนพาสปอตให้ก่อน ” พ.ต.อ.สำราญ
ด้านพล.ต.ท.ยงยุทธ วานิชเจริญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า จากการตรวจสอบสำนวนการสอบสวนแล้วพบว่า พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องกรณีไม่แจ้งข้อหากับคนไทยผู้ที่ขับรถชนรถจักรยานยนต์นักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต โดยพบว่าแจ้งข้อหานักท่องเที่ยวที่ถูกรถชนแต่ฝ่ายเดียว ถือเป็นความบกพร่องในหน้าที่จึงสั่งให้ พ.ต.อ.สำราญ ย้ายปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ทันทีโดยไม่มีกำหนด พร้อมให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในคดีใหม่ทั้งหมดโดยมอบให้ พล.ต.ต.กิติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ รอง ผบช.ภาค 8 เข้าควบคุมการสอบสวนและทำรายงานชี้แจง ผบ.ตร.โดยเร็วที่สุด
ขณะนายทนงศักดิ์ สมวงศ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยได้ดูข่าวจากโทรทัศน์แล้วรู้สึกตกใจกับภาพข่าวที่ต่างประเทศออกอากาศไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้เสียชีวิตควรจะต้องได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากดูจากภาพข่าวแล้วพบว่าคู่กรณีคนไทยได้ขับรถจักรยานยนต์ตามหลังมาด้วยความเร็วสูง และพุ่งชนเข้าอย่างแรง จึงเห็นว่าตำรวจ จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นไปอย่างถี่ถ้วนอย่าเพิ่งไปสรุปว่าใครผิดใครถูก และต้องทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา
“ ให้นำความจริงมาเปิดเผยกันต่อสาธารณะชน เพื่อให้ภาพบรรยากาศ การท่องเที่ยวในเกาะสมุยให้นักเกิดความเชื่อมั่นในสายตาชาวโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียที่อยู่ในอันดับต้นๆในกลุ่มนักท่องเที่ยวบนเกาะสมุยและกำลังอยู่ในช่วงใกล้ฤดูกาลท่องเที่ยวไฮซีซั่นที่จะถึงในเร็วๆนี้ด้วย ” ด้านนายทนงศักดิ์


