จับดาบตร.ศรีสะเกษค้ายาบ้า

จับดาบตร.ศรีสะเกษพร้อมเพื่อนลอบขนยาบ้าจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านส่งลูกค้าในพื้นที่ พบเป็นเครือข่ายเอเยนต์รายใหญ่เมืองอุบลฯ

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ร.ต.ท.สุทธิพงษ์ ห่มเมือง รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายเพิ่มวุฒิ ญาณัปปสุต หัวหน้าผู้ประสานงานศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดศรีสะเกษ นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัว ด.ต.ทองใบ คำจันทร์ อายุ 42 ปี ตำรวจในสังกัด สภ.กุดเสลา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ นายฉัตรพงษ์ หรือ แป๊ะ วงษาบุตร อายุ 45 ปี ชาว ต.น้ำโซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี หลังมีประชาชนแจ้งเบาะแสร้องเรียนมายัง นายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ และ พล.ต.ต.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบก.ศรีสะเกษ ว่าทั้ง 2 คน มีพฤติกรรมข้องเกี่ยวยาเสพติดยาเสพติดมานานแล้ว 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนหาข้อมูล ซึ่งปรากฏว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง จึงได้วางแผนส่งสายเข้าไปล่อซื้อยาบ้าจาก นายฉัตรพงษ์ ซึ่งเป็นเอเยนต์ค้าบ้ารายใหญ่ ในเขตพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และมี ด.ต.ทองใบ ซึ่งเป็นเพื่อนกันกับ นายฉัตรพงษ์ และเคยปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี โดยทั้ง 2 คน จะนำยาบ้ามาส่งให้กับสายของเจ้าหน้าที่อยู่เป็นประจำ

กระทั่งเจ้าหน้าได้มีการวางแผนและสนธิกำลังกันเข้าทำการปิดล้อมจับกุมตัวทั้ง 2 คนเอาไว้ได้ ในขณะกำลังขับรถรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน กง-440 ศรีสะเกษ ที่บริเวณถนนระหว่าง บ้านพยุห์-บ้านหนองทุ่ม หมู่ 8 ต.พยุห์ อ.พยุห์  จึงส่งสัญญานให้หยุดรถ พร้อมแสดงตัวขอตรวจค้น ซึ่งภายในรถมี นายฉัตรพงษ์ เป็นคนขับ ส่วน ดาบตำรวจทองใบ เป็นคนคอยคุ้มกัน และตรวจค้นพบยาบ้าของกลาง จำนวน 150 เม็ด อุปกรณ์การเสพยาบ้าจำนวนหนึ่ง และอาวุธปืน เอชเค จำนวน 1 กระบอก ส่วนรถยนต์คันดังกล่าวเป็นของ ด.ต.ทองใบ จึงควบคุมตัวไปสอบสวน ที่ สภ.พยุห์

นายฉัตรพงษ์ ได้ให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าจำนวนดังกล่าวเป็นของตน ซึ่งนำมาส่งให้กับลูกค้าจริง โดย มี ด.ต.ทองใบ เดินทางมาเป็นเพื่อน ซึ่งทั้ง 2 คนยอมรับว่า ได้เสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้ และยาบ้าดังกล่าว รับมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึง แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย พร้อมนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของทั้งหมด นำส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.พยุห์ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป