นายกฯต้อนรับปธน.เกาหลีใต้เยือนไทย
นายกรัฐมนตรี ต้อนรับ ประธานาธิบดีเกาหลีเยือนไทย หารือทวิภาคี ยกระดับความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-เกาหลี
นายกรัฐมนตรี ต้อนรับ ประธานาธิบดีเกาหลีเยือนไทย หารือทวิภาคี ยกระดับความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-เกาหลี
เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายลี มยอง-บัก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี และภริยา ที่เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ระหว่างวันที่ 9-11 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งการเดินทางเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีครั้งนี้ นับเป็นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในลักษณะทวิภาคี โดยก่อนหน้านี้ได้เคยเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 12 การประชุมสุดยอดอาเซียน+3 ครั้งที่ 12 และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 4 ที่หัวหิน เมื่อเดือนตุลาคม 2552
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้จัดพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติ โดยมีทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ที่บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีลงนามในสมุดเยี่ยม และหารือทวิภาคีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน โดยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้าการลงทุน การแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน ตลอดจนความเชื่อมโยงในภูมิภาคและประเด็นต่างๆ ในกรอบพหุภาคีและในระดับภูมิภาคที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม จากนั้นได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเกาหลี และแถลงผลสำเร็จจากการพบกันครั้งนี้ สรุปดังนี้
ผู้นำทั้งสองต่างยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งในปีหน้าจะครบรอบ55 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยที่ในปีนี้ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีได้ตกลงที่จะยกระดับความสัมพันธ์ให้เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของนายกรัฐมนตรีในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองเห็นว่าเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ และยินดีที่วันนี้จะมีการลงนาม MOU ซึ่งเป็นผลมาจากการยกระดับความสัมพันธ์ดังกล่าว โดยจะครอบคลุมความร่วมมือใน 4 ด้าน การเมือง เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสังคมวัฒนธรรม นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่การค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2554 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และได้เห็นพ้องที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศเป็น 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2559
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะเร่งรัดให้มีการรับรองแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจ (ปี 2556- 2560) ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเกาหลีโดยเร็ว เนื่องจากแผนปฏิบัติการดังกล่าวครอบคลุมความร่วมมือในสาขาที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอำนวยความสะดวกทางการค้า และลดอุปสรรคทางการค้าของทั้งสองประเทศให้น้อยที่สุด โดยจะให้มีการรื้อฟื้นการเจรจาทวิภาคีด้านการค้าภายใต้คณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย – สาธารณรัฐเกาหลีด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ครอบคลุม เพื่อรองรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนในอนาคต เนื่องจาก ทั้ง 2 ประเทศมีศักยภาพที่จะร่วมมือสาขาต่างๆได้อีกมาก ซึ่งประธานาธิบดีเห็นด้วยที่จะให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในเบื้องต้น โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและรัฐมนตรีการค้าของสาธารณรัฐเกาหลีไปหารือในรายละเอียดต่อไป
สำหรับความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน ผู้นำทั้งสองได้ย้ำความสำคัญของความร่วมมือด้านการส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรมในสาขาที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจในทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อาหาร และพลังงาน ซึ่งเกาหลีมีความชำนาญและไทยอยากเห็นนักลงทุนเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยที่ประธานาธิบดีฯเกาหลีได้ขอรับการสนับสนุนการเปิดธนาคารในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นพ้องว่าการจัดตั้งธนาคารเกาหลีในไทยสามารถอำนวยความสะดวกต่อการลงทุนและการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันต่อไปในเรื่องนี้
นอกจากนี้ สาธารณรัฐเกาหลี ยังได้แสดงความสนใจที่จะนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย โดยเฉพาะ ข้าว ซึ่งเกาหลีมีความต้องการเพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากนี้ ยังสนใจที่จะนำเข้าผลไม้จากประเทศไทย โดยเฉพาะ มะม่วง มังคุด ลำไย ส้มโอ อีกด้วย
ด้านการท่องเที่ยว ในปีที่ผ่านมา (2554) มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างกันสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 ล้านคน นายกรัฐมนตรีจึงได้เสนอให้รื้อฟื้นการเจรจาทวิภาคีด้านบริการการบิน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางการบิน ตลอดจนอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และสนับสนุนการค้าการลงทุน สินค้าและบริการ ระหว่างกัน นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังได้ตกลงที่จะสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือในการคุ้มครองผู้อยู่อาศัยหรือนักท่องเที่ยวสัญชาติไทยและสาธารณรัฐเกาหลีในแต่ละประเทศ
สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย สาธารณรัฐเกาหลีได้แสดงความความสนใจที่จะเข้าร่วมในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะ การวางระบบการจัดการน้ำ ตลอดจนรถไฟความเร็วสูง และการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำว่า การพัฒนาความเชื่อมโยงและการเป็นศูนย์กลางของไทยในอาเซียน รวมถึงโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย ว่าจะทำให้ไทยได้เปรียบและเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของเกาหลีใต้ในประเทศไทยมากขึ้นในอนาคต
ด้านการศึกษาและวัฒนธรรม ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการศึกษา และจะเร่งรัดให้มีการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมไทยและศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีที่กรุงโซลและที่กรุงเทพฯ เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 55 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ไทย – สาธารณรัฐเกาหลี ในปีหน้าด้วย
สำหรับความร่วมมือในภูมิภาค ทั้งสองยืนยันที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนการรวมกลุ่มในภูมิภาค ทั้งภายใต้กรอบอาเซียน+3 การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS) และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ARF) โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำความสำคัญของความเชื่อมโยงของอาเซียนต่อการพัฒนาในภูมิภาค นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อความสำเร็จในการร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการจัดฝึกซ้อมบรรเทาภัยพิบัติในกรอบ ARF ครั้งที่ 3 ในปี 2556 ระหว่างไทยและสาธารณรัฐเกาหลีด้วย
สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค นายกรัฐมนตรีได้ย้ำการสนับสนุนที่แน่วแน่ของไทยต่อการดำเนินความพยายามของรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสันติภาพ เสถียรภาพ และการปลอดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีได้แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อการแสดงการสนับสนุนดังกล่าว
ภายหลังการหารือ ผู้นำทั้งสองได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเกาหลี ก่อนแถลงข่าวร่วมกัน ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน จากนั้น ในเวลา 12.00 น. นายกรัฐมนตรีได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีและภริยา ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก


