posttoday

แรงเงา : แรงสะท้อนสังคมหรืออุปโลกนืเรียกเรตติ้ง

04 พฤศจิกายน 2555

อีกหนึ่งผลงานฮือฮาจากผู้สร้าง “เรยา” แห่ง มงกุฎดอกส้ม และดอกส้มสีทอง

โดย...อินทรชัย-จตุรภัทร-อัคร


อีกหนึ่งผลงานฮือฮาจากผู้สร้าง “เรยา” แห่ง มงกุฎดอกส้ม และดอกส้มสีทอง ให้กลายเป็นกระแสมาแล้วในช่วงปี 2553-2554 ที่ผ่านมา

“แรงเงา” สร้างจากบทประพันธ์ของ นันทนา วีระชน นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครหลายครั้งแล้ว งานในปี 2555 บทโทรทัศน์โดย วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน กำกับการแสดงโดย ชนินทร ประเสริฐประศาสน์ ผลิตโดย บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ของ อรุโณชา ภาณุพันธุ์ ออกอากาศทุกวันจันทร์อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

เล่าเรื่องของ เจนภพ ข้าราชการหนุ่มในตำแหน่งผู้อำนวยการจอมเจ้าชู้สามีของ นพนภา เขาได้ มุตตา เจ้าหน้าที่ในกรมเป็นภรรยาลับ เมื่อนพนภาจับได้จึงบุกมาอาละวาด ทำให้มุตตาอับอายจึงลาออก และรู้ตัวว่าท้องเลยคิดสั้น มุนินทร์ พี่สาวฝาแฝดกลับมาจากต่างประเทศโกรธมาก เลยปลอมเป็นมุตตามาเพื่อแก้แค้น

ด้วยเนื้อหา ภาษา คาแรกเตอร์ อีกทั้งฉากทะเลาะตบตี รวมทั้งกรณีผิดลูกผิดผัวชาวบ้านใน “แรงเงา” ทำให้เกิดเป็นการถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เรียกร้องให้กระทรวงวัฒนธรรมเลื่อนละครไปฉายหลัง 4 ทุ่ม เพราะความรุนแรงของเนื้อหา ขณะที่ คุณหญิงระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช บอกละครเรื่องนี้สร้างความเสื่อมเสียให้สถาบันเมียหลวง!? เมื่อเด็ก 8 ขวบ ผูกคอตายก็ยังจับไปเกี่ยวข้องกับละคร!?

แรงเงา สะท้อนอะไรในสังคม?

ผู้ผลิตละครอย่าง “อรุโณชา ภาณุพันธุ์” วอนสังคมควรมองให้ลึกถึงสิ่งที่ละครนำเสนอ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินจากความรุนแรงที่ปรากฏ

“เรายังคงคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมค่ะ แรงเงาเป็นเหมือนกระจกสะท้อนที่ให้คนดูได้ย้อนกลับมามองตัวเอง หรือปัญหาในครอบครัวของตัวเอง อยากให้พ่อแม่และลูกได้ดูพร้อมกัน เพื่อที่จะได้สอนลูกไปในคราวเดียวกัน ว่าสิ่งไหนดี หรือไม่ดี แม้กระทั่งผู้ชาย ดูแล้วก็อยากจะให้รู้สึกเห็นใจผู้หญิง รวมทั้งได้ข้อคิดว่า การที่เรานอกใจภรรยานั้นมีแต่ทำให้เดือดร้อนกันไปหมด มันไม่คุ้มค่ากันเลย ส่วนผู้หญิงที่เป็นภรรยา ก็ต้องย้อนมองตัวเองว่าเรามีหลักในการครองเรือนที่ดีหรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะเป็นบทเรียนสำคัญที่ทุกคนจะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับตัวละคร ที่ต่างก็มีเหตุและผลของตัวเอง ซึ่งทุกการกระทำล้วนได้รับผลในแบบที่ต่างกันไป คือหากทำดีก็จะได้ผลตอบแทนที่ดี หากทำไม่ดีก็จะมีสิ่งไม่ดีนั้นตอบสนองกลับมา และเมื่อเราสามารถให้อภัยกันได้ ใจของเราก็จะเป็นสุขได้เช่นกัน หากทุกคนสามารถนำสิ่งที่ละครสอดแทรกไว้มาปรับใช้ในชีวิตของตนเอง ก็จะไม่เกิดปัญหาเหมือนเช่นในละคร”

แรงเงา : แรงสะท้อนสังคมหรืออุปโลกนืเรียกเรตติ้ง

 

 

ขณะที่ “วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน” ผู้ปรับบทประพันธ์ดั้งเดิมมาเป็นละครโทรทัศน์ยังเชื่อว่าละครแรงเงาเรื่องนี้มีเนื้อแท้เป็นละครจิตวิทยา และสะท้อนสังคมถึงเงามืดที่อยู่ในใจและในโลกรอบตัว แก่นแท้ของเรื่องคือเรื่องของกรรม อันเหมือนเงาติดตามตัวมนุษย์ทุกคน

“สุดท้ายนางเอก (ซึ่งปลอมตัวเป็นน้องสาวมาแก้แค้น) ก็จะพบว่า ความอาฆาตพยาบาททำลายทุกสิ่งแม้แต่ตัวเธอเอง จึงได้สติละวางและขออโหสิกรรมต่อทุกคน นวนิยายยังบอกอีกด้วยว่า การที่เธอมาแก้แค้น เกิดจากที่เธอกับน้องสาวเป็นลูกรักลูกชังของพ่อแม่ ทำให้เธอกับน้องสาวริษยาและเกลียดกัน เธอจึงรู้สึกผิดและเลือกที่จะมาแก้แค้นโดยคิดว่าเป็นการชดใช้ให้กับน้องสาวที่เธอไม่เคยทำดีด้วย และเธอก็พบว่านั่นคือความสำนึกผิดที่โง่เขลา ในฐานะคนเขียนบทโทรทัศน์ของละครเรื่องนี้ จึงได้ขยายและเพิ่มเติมประเด็นเหล่านี้ให้ชัดเจนมากขึ้น”

เช่นเดียวกับผู้กำกับ “ชนินทร ประเสริฐประศาสน์” ยืนยันหนักแน่นว่า ละครนำเสนอเนื้อหาเพื่อต่อต้าน ไม่ใช่สนับสนุนให้เกิดความรุนแรงในสังคม

“เราไม่ได้ต้องการยั่วยุให้คนทำตาม หรือใช้กำลังตัดสินปัญหา จะเห็นว่าเราชี้ให้เห็นถึงการขาดสติ และขาดความยั้งคิดของตัวละคร ที่จะนำมาซึ่งผลร้ายทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง หากทำสิ่งใดไว้ ก็มักจะได้สิ่งนั้นตอบแทนเสมอ การให้อภัย หรืออโหสิกรรมต่อกันนั้นจะนำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง นี่เป็นสิ่งที่ตัวละครจะได้เรียนรู้ ที่สำคัญผมเชื่อว่าคนดูสมัยนี้มีสติรู้เท่าทันละคร ไม่ได้ดูเพียงแค่ฉาบฉวยเอาแค่สนุก หรือสะใจเพียงเท่านั้น แรงเงาจึงเป็นเหมือนกระจกที่หากดูละครแล้วย้อนดูตัว สังคมของเราคงจะน่าอยู่มากกว่าที่เป็นอยู่ได้ ยังไงก็อยากให้มองในมุมมองนี้ด้วยครับ”

ความแรงของเรื่องนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ที่ “ธัญญาเรศ เองตระกูล” ดาราสาวซึ่งมารับบท นพนภา นั้น ก็เคยผ่านเรื่องราวเมียน้อยเมียหลวงมาก่อน หลายคนจึงบอกว่า เธอเล่นโดยมีเรื่องจริงของชีวิตเป็นแรงบันดาลใจ ธัญญ่า ยิ้มแก้มปริกับฟีดแบ็ก ก่อนให้ความเห็นถึงคาแรกเตอร์ที่เธอได้รับว่า เป็นบทที่ค่อนข้างแรง แต่มีเหตุผล และบทสรุป

“ตัวญ่าเองก็รู้สึกนะคะว่ามันแรง เนื้อหาก็แรง การกระทำก็แรง แต่ญ่าก็เชื่อว่าทุกๆ ความแรง ทุกความร้ายกาจ มันมีเหตุและผล ถ้าคนจะคิดว่าตัวละครนพนภาจะทำให้เกิดการเลียนแบบ หรือสร้างค่านิยมความรุนแรงในสังคม ญ่าว่าไม่จริงหรอกค่ะ เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกๆ ความรุนแรง ทุกๆ ความร้ายกาจ มันก็มีบทสรุปว่ากระทำแบบนี้ ไม่เคยส่งผลดีต่อใครเลย มีแต่ความเสียหายย่อยยับ หรือนำมาซึ่งความเสียใจ ฉะนั้น นี่คือสิ่งที่ละคร หรือตัวละครนพนภาพยายามจะบอกคนดู”

เมื่อถามถึงความเหมาะสมเวลาออกอากาศ ในฐานะคุณแม่ ธัญญ่า ยืนกราน อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ด้วยเป็นเวลาที่เด็กๆ สามารถรับชมได้ แต่เธอก็มั่นใจว่าละครเรื่องนี้จะไม่เป็นมลพิษ ถ้าผู้ปกครอง หรือสมาชิกครอบครัว นั่งร่วมรับชมกันอย่างเข้าใจ และเข้าถึงสาระที่ละครต้องการสะท้อน พร้อมกับคำชี้แนะว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรเลว

“สิ่งที่ดีๆ หรือข้อคิดจากละครเรื่องนี้มีเยอะนะ เยอะกว่าภาพการตบตี ทะเลาะเบาะแว้งเสียอีก แต่คนอาจจะมองมุมเดียวว่ามันแรง มันยั่วยุ ภาพที่ปรากฏมันจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมแย่ๆ หรือเปล่า อย่าลืมว่ามุมดีที่ละครนำเสนอก็มีแทรกอยู่เหมือนกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวล ญ่าก็ยังเชื่อว่า สิ่งที่ละครนำเสนอ มันก็คือภาพความจริงของสังคม ครอบครัวแตกแยก สามีมีเมียน้อย ลูกใจแตก การแก้แค้น การอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดี หรือแม้แต่การทะเลาะกัน ก็ยังมีให้เห็นในสังคมไทยอยู่เลย”

แรงเงา : แรงสะท้อนสังคมหรืออุปโลกนืเรียกเรตติ้ง

 

ส่วนสาว “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ผู้รับบทฝาแฝด มุนินทร์มุตตา เล่าว่า ทุกคนมีเจตนาดีที่จะทำละครสร้างสรรค์สังคม ไม่ใช่บ่อนทำลายสังคม

“จากกระแสแรงเงาที่มีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน เจนี่มองว่าละครเรื่องนี้สร้างมาจากนวนิยาย ซึ่งผู้ประพันธ์ได้สอดแทรกคุณค่าสาระที่ดีต่อสังคมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้ามีคนไม่เห็นด้วยกับเจตนาดีนี้ เราคงห้ามความคิดเขาไม่ได้ ละครออกอากาศแล้ว ไม่สามารถหยุดความคิดของเขาได้ แต่เมื่อเขาดูละครจนจบ เขาจะรู้ว่าละครเรื่องนี้สะท้อนข้อคิดในเรื่องของการเลี้ยงดูลูกให้ถูกวิธี และได้ข้อคิดเรื่องความรัก รักยังไงไม่ให้ตาบอด รักให้ถูกวิธี รักให้มีสติ และเจนี่ก็เอามาปรับใช้กับความรักของตัวเองด้วยค่ะ”

กรุณาชี้ทางออกอย่างสร้างสรรค์

ในอีกมุมหนึ่ง ภาพทะเลาะเบาะแว้ง ตบตี และด่าทอ ซึ่งนำเสนอผ่าน “แรงเงา” นั้น ทำให้ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล “จะเด็จ เชาวน์วิไล” ทนไม่ได้ เพราะละครเรื่องนี้มีความรุนแรงมากเกินไป

“จะเห็นได้ว่าละครเรื่องนี้เน้นเรื่องการตลาด มากกว่าเรื่องเนื้อหาสาระ เต็มไปด้วยฉากทำร้ายตบตี ด่าทอด้วยคำพูดรุนแรง พอคนเห็นฉากแรงๆ ก็โดนใจ พากันแชร์ประโยคเด็ดลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ก แพร่สะพัดต่อไปปากต่อปาก ผู้จัดอ้างว่าสะท้อนสังคม แต่จากที่พบในละครกลับวนเวียนอยู่แค่เรื่องชิงรักหักสวาท อิจฉาริษยา ตามล่าล้างแค้น ตอกย้ำค่านิยมเก่าๆ ว่าชายไทยมีเมียหลายคนได้ไม่ผิด เมียน้อยเมียหลวงก็เปิดศึกแย่งผู้ชาย คือไม่มีการชี้ทางออกของปัญหาอย่างสร้างสรรค์เลยสักนิด”

ตัวอย่างฉากเด็ดที่ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลเห็นว่ารุนแรงแถมสะท้อนภาพน่าเศร้าของสังคมไทย ก็ได้แก่ฉากเมียหลวงเมียน้อยอย่างมุตตาและนพนภาตบกันนัวเนียหน้าบันไดกระทรวง ท่ามกลางไทยมุงที่มัวแต่ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายคลิปวิดีโอ โดยไม่สนใจห้ามปราม

“ในความเป็นจริง คนตบกัน เรามัวแต่ถ่ายคลิปกันเหรอ มัวแต่มุงส่งเสียงเชียร์ให้คนทำร้ายกันจนบาดเจ็บอย่างนั้นเหรอ ไม่มีใครห้ามจริงๆ เหรอ ฉากนี้มันฉายภาพความจริงแค่บางส่วน และเป็นส่วนที่น่ากลัวมาก ยิ่งทำให้ดูเลวร้ายลงไปอีก”

จะเด็จยังออกโรงเรียกร้องให้มีการแก้ไขเบื้องต้น คือ จากนี้ต่อไปไม่ควรมีภาพผู้หญิงไล่ตบกันอีก ควรออกอากาศหลังเวลา 22.00 น. เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนได้ดู และอยากให้มีเวทีถกเถียงกันถึงผลกระทบทางด้านสังคมที่เกิดขึ้นหลังละครจบแต่ละตอน

ทางด้าน “สมชาย เสียงหลาย” ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ออกมาชี้แจงว่า ทางกระทรวงวัฒนธรรมมีอำนาจหน้าที่ให้การดูแลจัดเรตติ้งภาพยนตร์เท่านั้น ตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ในส่วนของเนื้อหาละคร หรือการจัดเรตติ้งละครโทรทัศน์นั้น ต้องให้กรรมการตรวจสอบเนื้อหาหรือฝ่ายเซ็นเซอร์ของแต่ละสถานี หรือ กบว.ช่องเป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตาม ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่ร้องเรียนเข้ามา ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งมีกฎหมายกำกับดูแลโดยตรง ว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างกับเรื่องนี้

ส่วน “สนธยา คุณปลื้ม” รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีที่เด็กอายุ 8 ขวบ ผูกคอตาย และเชื่อว่าเป็นการเลียนแบบละครเรื่องแรงเงา ว่า อยากให้ผู้ปกครองคอยดูแลบุตรหลาน และให้คำแนะนำในการชมละครอย่างใกล้ชิด

แรงเงา : แรงสะท้อนสังคมหรืออุปโลกนืเรียกเรตติ้ง

 

รู้เท่าทันละคร

มองในมุมนักวิชาการ เช่น นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ “ศรีศักร วัลลิโภดม” ก็มองว่าละครน้ำเน่าหลายต่อหลายเรื่องในปัจจุบันฉายภาพความเป็นจริงอันเสื่อมโทรมของสังคมไทย โดยปราศจากการแก้ไข อีกทั้งผู้คนต่างก็ขานรับความรุนแรง จนกลายเป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้ว

 “สังคมมันเข้าสู่ภาวะล่มสลายของ‌อารยธรรม กาลวิบัติมันมาถึงแน่นอนอย่าง‌หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เรายังพอเยียวยาได้ด้วย‌การกระตุ้นน้ำดีลงไปในแต่ละส่วนต่างๆ ‌ใครมีสติก็รับไป”

จากการเสวนาวิชาการ“เขียนชีวิต‌พลิกบทบาทผู้หญิงไทยในละคร : การรื้อสร้างภาพตายตัวและมายาคติ”โดย‌สถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.)“เอก‌ธิดา เสริมทอง”ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ ‌คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ‌กล่าวว่า“ความสนุกของเนื้อหาละครเป็น‌สิ่งจำเป็นมาก คนจะรู้สึกว่ามันเป็นสไตล์ ‌หรือมีกระแสที่อาจต้องทำตามละคร แต่‌อาจไม่ได้อินขนาดที่จะต้องเปลี่ยนแปลง‌ตัวเอง”

ขณะที่“ณัฐิยา ศิรกรวิไล”นักเขียน‌บทละครโทรทัศน์ เพิ่มเติมว่า“การผลิต‌ละครโทรทัศน์ในปัจจุบันมีคนตั้งคำถามว่า ‌ผู้ผลิตควรจะเป็นผู้นำผู้ชม หรือผู้ชม‌สามารถใช้วิจารณญาณในการเลือกชมได้‌เอง ละครหมวดใหญ่ที่ปรากฏทั่วโลกคือ‌ละครน้ำเน่า หรือเมโลดรามา ต้องมีความ‌เกินจริง ขาวจัดดำจัด ตัวละครมีลักษณะ‌เป็นStereotypeแต่ในขณะเดียวกัน ‌ละครประเภทดรามาในประเทศไทยก็มี‌เป็นจำนวนมาก เพียงแต่ไม่ได้รับความ‌นิยมเท่ากับละครประเภทเมโลดรามา ‌ขณะที่มาตรฐานการรับชมโทรทัศน์ใน‌ปัจจุบันเปลี่ยนไป ดังนั้น ผู้ผลิตจึงต้อง‌คำนึงให้มากว่า ผู้ชมนั้นมีความสามารถใน‌การคิดวิเคราะห์ได้มากขึ้น ประกอบกับ‌
พัฒนาการของเทคโนโลยียิ่งส่งผลให้ผู้ชม‌มีทางเลือก การทำงานละครจึงต้องให้‌เกียรติผู้ชมและสอดแทรกข้อคิดที่ต้องการ‌ให้ผู้ชมอย่างแนบเนียน”

ส่วน“ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย”นัก‌วิชาการด้านการตลาดชื่อดัง วิเคราะห์ว่า ‌เหตุที่ละครเรื่องแรงเงาโด่งดังจนกลาย‌เป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์นั้น น่า‌จะมาจากผู้ชมส่วนใหญ่อาศัยใช้ชีวิตอยู่ใน‌เมือง ทั้งยังเป็นผู้นิยมใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก‌ในชีวิตประจำวันด้วย

“โดยพฤติกรรมของคนสมัยนี้ ตาดูทีวี ‌มือก็ทวีตข้อความ โพสต์เฟซบุ๊กไปด้วย เมื่อ‌บวกกับละครสะท้อนสังคม เนื้อเรื่องดุเด็ด‌เผ็ดมัน โอเวอร์ มีนักแสดงซูเปอร์สตาร์‌เป็นตัวชูโรง เมื่อเห็นฉากสะใจ ประโยค‌
สะใจ ก็ยิ่งโพสต์ต่อๆ กันไปด้วยความสะใจ”

ทั้งนี้ มีผลวิจัยชี้ว่า คนรุ่นอายุ 30 ปี‌ขึ้นไป มีพฤติกรรมชอบดูละครหลังข่าว ‌เนื่องจากเป็นรุ่นที่โตมากับโทรทัศน์ ถึงขั้น‌กล่าวกันว่า เด็กยุคนั้นถูกละครหลังข่าว‌สอนมากกว่าพ่อแม่เสียอีก

“ละครหลังข่าวสะท้อนสังคม แม้บาง‌ครั้งจะเวอร์บ้าง แต่ก็เป็นความจริงที่เรา‌พบเจอกันในชีวิต ผัวมีเมียน้อย ผู้หญิงตบกันแย่งผู้ชาย ความจริงอาจยิ่งกว่านี้‌ด้วยซ้ำ”

“คุณต้องเข้าใจว่าละครก็คือละคร มุ่ง‌เน้นความบันเทิงเป็นหลัก อย่างแรงเงาก็‌ทำมา 3 เวอร์ชันแล้ว คนเดี๋ยวนี้เขามี‌วิจารณญาณ มีสติปัญญาแยกแยะออก ถ้า‌มันเลวร้ายจริง คนดูก็ไม่ดู คนทำก็เลิกทำ ‌มันหมดยุคแล้วครับที่ตัวละครร้ายๆ ไปเดิน‌ตลาดในชีวิตจริงแล้วโดนแม่ค้าเอาเปลือก‌ทุเรียนตบ คนเขาแยกแยะเป็น หนำซ้ำยิ่ง‌บทบาทเด่นสะใจคนดู ยิ่งดังขึ้นไปอีก ดู‌อย่าง ชมพู่ อารยา ในบท“เรยา”เรื่อง‌ดอกส้มสีทอง หรือ เจนี่ ในบท“มุตตา”‌เรื่องแรงเงาสิครับ”

เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเรื่องราวของเมีย‌หลวงเมียน้อยนั้นขายดีทุกยุคสมัย ละคร‌ทำนองนี้จึงถูกสร้างออกมาครั้งแล้วครั้ง‌เล่า โดยผู้สร้างละครก็ต้องมีสามัญสำนึกและจริงใจในการนำเสนอ ส่วนผู้มี‌หน้าที่ดูแลก็ต้องควบคุมให้เรตติ้งและจัด‌เวลาออกอากาศให้เหมาะสม ขณะที่ผู้ชม‌โดยเฉพาะผู้ปกครองต้องช่วยดูแลและ‌อธิบายให้เยาวชนเข้าใจว่า อะไรเกิดขึ้นใน‌ละคร

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68