posttoday

ทำไมงบประมาณถึงขาดดุล

09 ตุลาคม 2555

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้งบประมาณแผ่นดินขาดดุล? คำถามข้อนี้ถ้าตอบอย่างกำปั้นทุบดินก็ไม่ยาก

โดย...สมชาย สกุลสุรรัตน์

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้งบประมาณแผ่นดินขาดดุล? คำถามข้อนี้ถ้าตอบอย่างกำปั้นทุบดินก็ไม่ยาก สาเหตุที่งบประมาณแผ่นดินติดลบเกิดจากรัฐบาลใช้จ่ายเงินเกินตัว จ่ายมากกว่ารับ

แต่แท้จริงแล้วการที่งบประมาณแผ่นดินติดลบ เป็นผลมาจากการตัดสินใจของบุคคลหลายฝ่าย มาจากสภาวะเศรษฐกิจและมาจากการสะสมปัญหาต่อเนื่อง

เริ่มมาจากการตัดสินใจที่จะทำให้งบประมาณแผ่นดินติดลบ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 เป็นต้นมา ผู้ที่มีหน้าที่ตัดสินใจจัดทำงบประมาณมีความเชื่อว่า ในอนาคตเศรษฐกิจจะเติบโตแบบโชติช่วงชัชวาล ถ้าได้รับการกระตุ้นจากภาครัฐ

แต่เอาเข้าจริงไม่มีใครพยากรณ์อนาคตได้ถูกต้องแม่นยำเสมอไป ไม่มีใครมองเห็นล่วงหน้าว่าเศรษฐกิจจะมีปัญหา จะเกิดวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐ และจะเกิดวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป จึงมุ่งจัดทำงบประมาณแบบเทหน้าตัก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวยิ่งๆ ขึ้นไป

แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ขยายตัวตามที่คาด รัฐบาลจึงไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งรายได้ยังลดลงเพราะรัฐบาลปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีประเภทอื่น ในขณะที่รายจ่ายของรัฐนับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายจ่ายด้านการทหารและการป้องกันประเทศ รายจ่ายด้านอื่นๆ เช่น การต่อสู้ปราบปรามผู้ก่อการร้ายในประเทศ รายจ่ายด้านการให้สวัสดิการรักษาโรคภัยไข้เจ็บฟรีแก่ประชาชน รายจ่ายในการเข้าไปอุ้มสถาบันการเงินที่มีปัญหา

และที่สำคัญคือ รายจ่ายจำนวนมหาศาลที่ทุ่มลงไปในสารพัดโครงการประชานิยมเพื่อคะแนนเสียง รัฐบาลจึงหลีกเลี่ยงที่จะต้องกู้เงินมาใช้จ่ายเพื่อปิดหีบงบประมาณไม่ได้

มีผู้ถามว่า รัฐบาลไม่ทราบหรือว่าการก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก อาจนำไปสู่ทางแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจของประเทศ

ความจริงต้องยอมรับว่า การที่รัฐบาลกู้เงินมาใช้จ่ายไม่ใช่เป็นเรื่องเลวร้ายในตัวเอง (PER SE) บางโอกาสเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำด้วยซ้ำไป เช่น การกู้เงินมาใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในยามที่เศรษฐกิจถดถอย

เพราะถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย เศรษฐกิจของประเทศอาจตกเข้าสู่สภาวะเงินฝืด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เพราะคนจำนวนมากจะตกงาน ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ อาจเกิดปัญหาสถาบันการเงิน เป็นภาระที่รัฐจะต้องเข้าไปดูแล

ว่าอย่างนี้แล้ว ทำไมหลายๆ ประเทศถึงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพราะปัญหาหนี้สาธารณะ

เหตุผลที่หนี้สาธารณะขยายตัวเพิ่มขึ้น จนกลายมาเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะเวลานักการเมืองหรือนักเศรษฐศาสตร์บางคนต้องการก่อหนี้สาธารณะ เขาจะอ้างทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ของเคนส์ ว่า ในยามที่เศรษฐกิจของประเทศถดถอย รัฐบาลควรเพิ่มและเร่งการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวโดยการทำงบประมาณแบบขาดดุล ถ้ามีรายได้ไม่พอก็ให้กู้เงินมาใช้จ่าย

แต่สิ่งที่นักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์เหล่านั้นไม่ได้บอกให้จบ คือ เคนส์ แนะนำให้รัฐบาลกู้เงินมาใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจริง แต่ก็บอกด้วยว่ารัฐบาลจะต้องกู้เงินภายในกรอบแห่งความสามารถในการกู้ (CAPACITY TO BORROW) ทั้งรัฐบาลต้องเก็บออม (SAVE) รายได้ส่วนเกินไว้ในยามที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น เพื่อสำรองใช้ในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ (SAVES DURING THE GOOD TIMES AND ENGAGES IN DEFICIT SPENDING DURING THE BAD TIMES)

เพราะฉะนั้นถ้าจะปฏิบัติตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ของเคนส์ (KEYNSIAN ECONOMICS) รัฐบาลก็ควรออม หรือนำเงินรายได้ส่วนเกินไปลดหนี้สาธารณะเวลาเศรษฐกิจดี เพื่อเปิดช่องว่างที่จะก่อหนี้เพิ่มเวลาเศรษฐกิจตกต่ำ

แต่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา รัฐบาลทุกรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะใช้เงิน ทั้งในยามที่เศรษฐกิจรุ่งเรือง และใช้เงินมากกว่าในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ

ตามทัศนคติที่ว่า “ฉิบหายไม่ว่า ข้าขอโตไว้ก่อน” (GROWTH-AT-ANY-COST-MENTALITY) ซึ่งเป็นทัศนคติที่กำลังครอบงำแนวทางการบริหารเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ โดยนักการเมืองมุ่งเหยียบคันเร่งให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างไฟไหม้ฟาง มากกว่าการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังให้เจริญเติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ

ทัศนคติแบบนี้ทำให้หนี้สาธารณะของประเทศโป่งอย่างรวดเร็วเหมือนลูกโป่ง ทุกคนทราบว่าวันหนึ่งลูกโป่งจะแตก แต่ไม่มีใครทราบว่าลูกโป่งจะแตกเมื่อไร และเมื่อลูกโป่งแตกทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมสายเกินแก้เสียแล้ว

อะไรจะทำให้ลูกโป่งใบนี้แตก ลูกโป่งใบนี้จะแตกเมื่อเศรษฐกิจไม่ขยายตัวขึ้นตามที่ฝันไว้เวลาทำงบประมาณแผ่นดิน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นชดเชยการขาดดุลรายรับรายจ่าย ช่องว่างที่จะก่อหนี้เพิ่มจึงลดลง ภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เมื่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นทั้งด้านจำนวนและเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนต่อจีดีพี

ท้ายที่สุดเมื่อไม่มีใครกล้าให้กู้เพิ่ม เจ้าหนี้ก็จะทวงหนี้คืน และเมื่อนั้นลูกโป่งก็จะแตกเพราะไม่มีเงินใช้หนี้

นี่คือมหันตภัยของการก่อหนี้สาธารณะที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้

ทั้งหมดที่ท่านอ่านมา ผมไม่ได้เขียนขึ้นเองเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ใคร แต่ผมแปลมาจากบทความที่ฝรั่งเขียนวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาหนี้สาธารณะของรัฐบาลอเมริกันที่ก่อหนี้จำนวนมหึมา (MAMMOTH) ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุคประธานาธิบดีบุช จนถึงประธานาธิบดีโอบามา ชื่อ WHERE DID THE MAMMOTH US BUDGET DEFICIT COME FROM? ในหนังสือพิมพ์ THE CHRISTIAN SCIENCE MONITOR ซึ่ง YAHOO CANADA นำออกมาเผยแพร่ ผมอ่านดูเห็นว่าน่าสนใจดี เลยแปลเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะทำให้ท่านได้รับมุมมองเกี่ยวกับหนี้สาธารณะอีกมุมมองหนึ่ง

สรุปคือ ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่าการมุ่งก่อหนี้สาธารณะโดยหวังว่าเมื่อเศรษฐกิจขยายตัว รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะชำระหนี้และก่อหนี้เพิ่ม แต่ความจริงคือรัฐบาลอเมริกันประมาณการตัวเลขการขาดดุลงบประมาณต่ำกว่าความเป็นจริงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถึง 11.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ($11.7 TRILLION) จึงทำให้ประเทศอภิมหาอำนาจอย่างสหรัฐมีปัญหาเศรษฐกิจที่แก้ไม่ตกจนถึงทุกวันนี้

ผมเชื่อว่าบรรดาประเทศทั้งหลายในยุโรปที่กำลังเผชิญปัญหาหนี้สาธารณะท่วมประเทศอยู่เวลานี้ ก็คงประเมินขีดความสามารถในการก่อหนี้ของตัวเองผิดไปทำนองเดียวกับรัฐบาลอเมริกัน คือ ประมาณการรายรับในอนาคตสูงกว่าความเป็นจริง และประมาณการรายจ่ายต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้นทุกปี จนไม่มีใครกล้าให้กู้ต่อ ลูกโป่งจึงแตก เกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่แก้ยาก เพราะไม่มีเงินแก้

ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นที่ไหน ตัวใครตัวมันที่นั่นก็แล้วกันครับ

ปัญหาหนี้สาธารณะไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่จะค่อยๆ ฟักตัวขึ้นเหมือนมะเร็งที่ฟักตัวในร่างกายของคนเรานั่นเอง

 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา