posttoday

อนาคตพลังงานไทยที่น่าเป็นห่วง?

18 กันยายน 2555

ในวันนี้หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ทิศทางราคาน้ำมันในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ไป ผมจะขอวิเคราะห์ทิศทางสถานการณ์น้ำมันจากข้อมูลล่าสุดที่เรามีอยู่นะครับ ก่อนอื่นทรัพยากรปิโตรเลียมในโลกนั้นมีอยู่อย่างจำกัด จากปริมาณน้ำมันสำรองทั่วโลกที่มีอยู่ คาดว่าเราจะสามารถมีน้ำมันใช้ได้อีก 46 ปี ก๊าซธรรมชาติจะมีใช้ได้อีก 59 ปี ส่วนปริมาณถ่านหินจะมีสำรองใช้ได้อีก 118 ปี แน่นอนว่าภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นพื้นที่ที่มีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำรองมากที่สุดในโลกกว่า 50% ในขณะที่ถ่านหินสำรองจะกระจายตัวอยู่ในหลายภูมิภาค ทั้งยุโรป สหรัฐและเอเชีย สำหรับประเทศไทยเรายังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ในวันนี้หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ทิศทางราคาน้ำมันในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ไป ผมจะขอวิเคราะห์ทิศทางสถานการณ์น้ำมันจากข้อมูลล่าสุดที่เรามีอยู่นะครับ ก่อนอื่นทรัพยากรปิโตรเลียมในโลกนั้นมีอยู่อย่างจำกัด จากปริมาณน้ำมันสำรองทั่วโลกที่มีอยู่ คาดว่าเราจะสามารถมีน้ำมันใช้ได้อีก 46 ปี ก๊าซธรรมชาติจะมีใช้ได้อีก 59 ปี ส่วนปริมาณถ่านหินจะมีสำรองใช้ได้อีก 118 ปี แน่นอนว่าภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นพื้นที่ที่มีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำรองมากที่สุดในโลกกว่า 50% ในขณะที่ถ่านหินสำรองจะกระจายตัวอยู่ในหลายภูมิภาค ทั้งยุโรป สหรัฐและเอเชีย สำหรับประเทศไทยเรายังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ในปี 2554 ประเทศไทยต้องนำเข้าพลังงานขั้นต้นเป็นปริมาณ 1.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยกว่า 80% เป็นการนำเข้าเป็นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นมูลค่าการน้ำเข้าพลังงานสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาทในปี 2554 ซึ่งปริมาณการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติคิดเป็น 80% และ 22% ของการใช้ตามลำดับ

ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซฯ สูงเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค รองจากประเทศสิงคโปร์ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และพม่า เป็นประเทศผู้ส่งออกพลังงานเป็นหลัก นอกจากนี้การใช้พลังงานของประเทศไทยยังไม่มีประสิทธิภาพ โดยการบริโภคพลังงานของประเทศไทยสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศอื่น เมื่อเทียบกับรายได้และแนวโน้มประสิทธิภาพการใช้พลังงานยังไม่ดีขึ้น ราคาพลังงานที่ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การใช้พลังงานไม่มีประสิทธิภาพ

หลายท่านอาจเข้าใจว่า ประเทศไทยสามารถผลิตพลังงานได้ แต่แท้จริงแล้วจะเห็นว่า ในปีที่ผ่านมา (2554) เรามีศักยภาพในการผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 1.54 แสนบาร์เรลต่อวัน แต่นำเข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำมันในโรงกลั่นได้เพียง 1.15 แสนบาร์เรลต่อวันเท่านั้น ในขณะที่มีปริมาณการใช้ภายในประเทศสูงถึงกว่า 8 แสนบาร์เรลต่อวัน

นอกจากนี้ น้ำมันที่เราหาได้เองในประเทศนั้น ไม่สามารถนำมาใช้กับโรงกลั่นในบ้านเราได้ทั้งหมด เพราะน้ำมันบางแหล่งก็มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีของโรงกลั่นในเมืองไทย

ทุกวันนี้ประเทศไทยจึงต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางเฉลี่ยวันละ 6.16 แสนบาร์เรล มาเป็นวัตถุดิบในการกลั่น

สรุปก็คือ บ้านเราไม่ได้มีน้ำมันมากเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ เราจึงต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศส่วนใหญ่ต่อไปเราควรต้องประหยัดการใช้น้ำมันเพื่อลดภาระการนำเข้าและสูญเสียเงินออกนอกประเทศ

ขณะนี้ไทยเป็นประเทศที่มีอัตราใช้พลังงานต่อประชากรในเกณฑ์สูง แม้ว่าข้อมูลจาก Energy Information Administration ของสหรัฐ จะระบุว่า ไทยสามารถผลิตก๊าซฯ ได้อันดับที่ 24 ของโลก (http://www.eia.gov/countries)

แต่ทราบหรือไม่ว่าเราสามารถผลิตก๊าซฯ ได้เพียง 1.1% ของการผลิตก๊าซฯ ทั่วโลกเท่านั้น ในขณะที่สหรัฐ รัสเซีย ผลิตได้ถึง 19.3% และ 18.4% เพียงแค่ 2 ประเทศ รวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของโลก

นอกจากนั้น จาก Website EIA เช่นกันที่บอกว่า ในขณะที่เราผลิตก๊าซฯ ได้เป็นอันดับที่ 24 ของโลก แต่เรามีปริมาณการใช้ก๊าซฯ ของไทยสูงเป็นอันดับ 20 ของโลก และเป็นผู้นำเข้าอันดับที่ 21 ของโลกเลยทีเดียว

พูดง่ายๆ ก็คือ เราใช้มากกว่าเราผลิตได้ เพราะอย่างนี้เราจึงต้องนำเข้าก๊าซฯ จากต่างประเทศถึงจะเพียงพอกับความต้องการใช้ของเรา

และข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่ง ก็คือเราต้องนำเข้าก๊าซฯ จากพม่าตั้งแต่ปี 2541 และเพราะความต้องการใช้พลังงานของเราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนี้ก๊าซฯ จากประเทศเพื่อนบ้านก็ยังไม่พอ

ดังนั้น ในปี 2554 เราจึงต้องนำเข้าก๊าซฯ ในรูปของของเหลว หรือ LNG (Liquefied Natural Gas) ที่ต้องผ่านการควบแน่นให้เป็นของเหลวและขนส่งมาไกลจากตะวันออกกลาง ทำให้ก๊าซฯ มีราคาแพงนั่นเอง

หากเราไม่ทำอะไรเพื่อแก้ไขปัญหา เช่น การประหยัดการใช้พลังงาน การอนุรักษ์พลังงาน และการหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม อนาคตพลังงานไทยก็น่าเป็นห่วงจริงๆ ครับ

ข่าวล่าสุด

ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต “เชษฐ์ปาดัง” เลขานายกปาดังเบซาร์