แนวรับรัฐบาล ประกันรายได้-รถไฟเร็วสูงแคมเปญซื้อใจรากหญ้า

นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเดินหน้านโยบายการประกันรายได้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง หลังพบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่พอใจและสามารถใช้งบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ได้ถึงมือชาวบ้านจริงๆ

รวมถึงนโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ 1.2 ล้านคนนั้น แม้รัฐบาลจะมีอุปสรรคในการลงพื้นที่เหนือและอีสานแต่จะเร่งรัดธนาคารรัฐดำเนินการให้พี่น้องประชาชน

สำหรับการลงทุนขนาดใหญ่ รัฐบาลจะขับเคลื่อนโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯระยอง ซึ่งล่าสุดจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส ได้ติดต่อขอลงทุนเข้ามา ซึ่งหากการเมืองไม่มีปัญหาเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในรัฐบาลชุดนี้

ประธานทีทีอาร์ ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังมีกำหนดเดินทางไปประชุมที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐ โดยจะพบกับสภานักธุรกิจสหรัฐอาเซียน ช่วงกลางเดือนหน้า และในปลายเดือน มี.ค. นายกรัฐมนตรีกำหนดจะไปเยือนประเทศบาห์เรนเพื่อดึงดูดการลงทุนเช่นกัน

โดยเฉพาะการท่องเที่ยวต้องดูแลเป็นพิเศษ หลังรัฐบาลจีนเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาไทย

นอกจากนั้น จะเร่งปลดล็อคปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยล่าสุดเหลืออีก 8 โรงงานที่ยังเดินเครื่องไม่ได้

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า ในวันที่ 19 มี.ค.นี้ จะเดินทางไปประเทศฮ่องกงเพื่อพบปะกับนักธุรกิจและนักลงทุน รวมถึงสื่อมวลชน เพื่อทำความเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ของไทย ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง หลังจากที่ผ่านมาได้เดินทางไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่นทำความเข้าใจกับนักลงทุนจำนวนมาก และยังได้หารือกับ รมว.คลังญี่ปุ่น และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่นหรือไจกา ให้เร่งอนุมัติโครงการเงินลงทุนเงินกู้ สร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.นนทบุรี และการลงทุนสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงเฟส 2

สำหรับค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น จากการซื้อขายหุ้นที่สูงขึ้น รมว.คลัง ยอมรับว่าค่าเงินแข็งขึ้นกระทบต่อผู้ส่งออก แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลดีต่อผู้นำเข้า ทำให้มีต้นทุนที่ถูกลง ซึ่งรัฐบาลก็พยายามเร่ง โครงการลงทุนที่ต้องซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ เพราะจะทำให้ประหยัดงบประมาณมากขึ้น เช่น โครงการรถไฟฟ้า ส่วนแนวโน้มหลังจากนี้หากจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินสถานการณ์

รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ไทยควรต้องเร่งการลงทุนเพราะทุนสำรองก็มีสูง ดังนั้นจึงกลัวว่าจะเสียโอกาส ซึ่งอยากเห็นความขัดแย้งทางการเมืองคลี่คลายลงไป จะได้สามารถเดินหน้านโยบายต่างๆ ได้

โดยการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่ผ่านมา ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการแสดงออกตามแนวทางระบอบประชาธิปไตยแล้ว เพราะสามารถบริหารจัดการกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เกิดความรุนแรง การที่จะชุมนุมต่อไปจะมีผลเสียกับวิถีชีวิตคนกรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมาต้องถือว่าคนกรุงเทพฯ มีความอดทน

ขณะที่นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะหารือกับ รมว.คลัง เพื่อขอยืดอายุมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์ออกไปอีก 12 เดือน หากพบว่าการชุมนุมมีผลกระทบต่อการทำธุรกรรมของธนาคารและกรมที่ดิน เพื่อไม่ให้ประชาชนเสียโอกาส

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า จะเสนอปรับหลักเกณฑ์การใช้รถเมล์ฟรีเพื่อประชาชน ขององค์การขนส่งมวลชน กรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งจะครบอายุสิ้นเดือน มิ.ย. 2553 นี้ โดยผู้ใช้บริการจะต้องมาขึ้นทะเบียนเพื่อช่วยให้โครงการรถเมล์ฟรีเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง ส่วนการกำหนดหลักเกณฑ์ผู้มีรายได้เท่าใดนั้น กระทรวงการคลังจะเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ และจะนำแนวทางดังกล่าวเสนอให้ ครม.พิจารณาต่อไป

นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า หลักเกณฑ์ที่ รมว.คมนาคม จะเสนอ ครม.นั้น จะต้องรอให้มีรถเมล์ 4,000 คัน เข้ามาให้บริการเพื่อที่ ขสมก.จะได้มีการจัดการให้ครบวงจร ไม่กระทบต่อรายได้ที่ ขสมก.จะได้รับจากเอกชนที่เข้าร่วมประมูลโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน

รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้รับทราบความคืบหน้าโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน โดยกำชับให้ขสมก.ดำเนินการตามแผนที่จะมีการดึงเอกชนเข้ามาร่วมเดินรถในอนาคต เพื่อให้มีรถให้บริการร่วมกับโครงการที่ ขสมก. จะดำเนินการก่อนหน้านี้ รวมแล้วจะทำให้มีทั้งรถเช่าของขสมก.และรถร่วมเอกชนรวมทั้งสิ้น 6,000 คัน โดยขอให้ใช้แนวทางเช่ารถจากเอกชนเช่นเดียวกับจัดหารถเช่า ขสมก. 4,000 คัน เพื่อให้การจัดการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ รถใหม่ มีอุปกรณ์ทุกอย่างครบฯลฯ และอัตราค่าโดยสารที่เป็นธรรมต่อประชาชนผู้ใช้บริการ ด้านนายฉัตรชัย ชัยวิเศษ ที่ปรึกษานายกสมาคมพัฒนารถร่วมเอกชน กล่าวว่า หากรัฐบาลยกเลิกโครงการรถเมล์ฟรีจะส่งผลดีต่อรถร่วมเอกชน เพราะที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวทำให้รถร่วม ขสมก.ขาดรายได้เป็นจำนวนมากพร้อมกับสนับสนุนหากกระทรวงคมนาคมปรับหลักเกณฑ์ให้ผู้มีรายได้น้อยใช้รถเมล์ฟรี เนื่องจากเป็นหลักการที่ช่วยเหลือและเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง ดีกว่ามาใช้หลักประชานิยมในการบริหารงาน

////////////////

แนวรับรัฐบาล

มาร์คตั้งเงื่อนเจรจาแดง

ชวนดักต้องไม่เสียหลักการ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการหารือกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ว่า พร้อมที่จะเจรจาหากการเคลื่อนไหวชุมนุมอยู่ในกติกา แต่อย่าคาดคั้นรูปแบบของการพูดคุยนั้นต้องเป็นใคร โดยใคร อย่างไร เพื่อประโยชน์ในการที่จะทำให้กระบวนการเกิดขึ้นได้ หากคาดคั้นรายละเอียดมากเกินไปในตอนนี้มันจะเป็นปัญหาสำหรับคนทำงาน

สำหรับเงื่อนไขที่เรียกร้องให้ยุบสภานั้นก็เป็นหลักเดิมว่าการยุบสภานั้นถ้าทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าเป็นคำตอบนำไปสู่ความสงบอย่างแท้จริง ซึ่งจะเกี่ยวข้องทั้งเรื่องกติกาที่จะใช้ เรื่องของความสงบช่วงเลือกตั้ง และการมีข้อยุติหลังการเลือกตั้ง ก็เป็นสิ่งที่สามารถที่จะมาทำให้เกิดกระบวนการความมั่นใจในการเจรจาได้

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศสนับสนุนการทำงานและแนวคิดของนายกฯ ที่จะไม่ยุบสภา เพราะยังไม่มีเหตุผลและต้องรักษาหลักของบ้านเมืองไว้ และถือเป็นธรรมดาที่หลักประชาธิปไตยที่จะมีม็อบเข้ามา เพียงแต่ครั้งนี้หนักหน่อย แต่รัฐบาลต้องคิดถึงอนาคตข้างหน้าโดยยึดหลักไม่หนีปัญหา ต้องสู้กับปัญหา

ขณะที่ นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ บิดานายอภิสิทธิ์ กล่าวระหว่างเป็นตัวแทนของนายอภิสิทธิ์รับดอกไม้กำลังใจจากกลุ่มตัวแทนประชาชนจากชุมชนเขตบางรัก และเขตวัฒนา กทม. กว่า 30 คน เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ว่า ขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจลูกชายตนเอง และเชื่อมั่นว่าลูกชายจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้