อัศจรรย์ขนมไม่มี
เกิดมาเป็นมนุษย์สุดประเสริฐตั้งแต่เด็กจนโตเนี่ย ไม่รู้ว่าเคยได้ยินชื่อขนมยี่ห้อว่า No Have หรือ ขนมไม่มี กันไหมครับ
เกิดมาเป็นมนุษย์สุดประเสริฐตั้งแต่เด็กจนโตเนี่ย ไม่รู้ว่าเคยได้ยินชื่อขนมยี่ห้อว่า No Have หรือ ขนมไม่มี กันไหมครับ
ผมว่าคงไม่มีใครได้ยินหรอก...ชื่อขนมอะไรพิลึกแท้ และคงไม่มีมนุษย์คนไหนทำหรือผลิตขนมขึ้นมาแล้วตั้งชื่ออย่างนั้น เพราะแค่ชื่อก็ดูจะไม่เป็น “มงคล” แล้ว
แต่รู้ไหมว่ามีคนคนหนึ่ง และคิดว่ามีคนเดียวในโลกที่รู้จักขนมนี้ดี คือ เจ้าชายอนุรุทธะ ผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่ต่อมาได้ออกบวชตามเจ้าชายสิทธัตถะ ปรากฏชื่อหลังบวชว่า พระอนุรุทธเถระ
เจ้าชายอนุรุทธะเป็นโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะ ผู้เป็นพระเจ้าอาของเจ้าชายสิทธัตถะ มีพี่ชายชื่อ มหานามะ และน้องสาวชื่อ โรหิณี
เหตุใดจึงว่าอย่างนั้น...
ด้วยว่าผลบุญในอดีตชาติ ทำให้ชีวิตของพระองค์เมื่อประสูติมาแล้วไม่เคยมีความลำบากใดๆ ชีวิตแสนสะดวกสบายเป็นที่สุด ต่างจากพี่ชายและน้องสาวที่ได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่เจ้าชายอนุรุทธะ อยากได้อะไร...ได้หมด ไม่มีว่าจะไม่ได้ และต้องได้ เพราะคำว่า “ไม่มี” ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยประสบพบเห็นแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เล็กจนหนุ่ม
ครั้งหนึ่ง เจ้าชายอนุรุทธะพร้อมด้วยพระสหายชวนกันไปเล่นตีคลี แล้วมีกติกาหรือข้อตกลงกันว่า ถ้าใครเล่นแพ้ต้องนำขนมมาเลี้ยงเพื่อน
ในการเล่นนั้นความพ่ายแพ้ส่วนใหญ่ตกมาอยู่ที่ฝ่ายเจ้าชาย และครั้งหนึ่งถึงขนาดแพ้รวด 3 ครั้งติด แต่ละครั้งเจ้าชายก็ให้คนรับใช้ประจำพระองค์ไปนำขนมจากเสด็จแม่มาเลี้ยงเพื่อนตามที่ตกลง
จนครั้งที่ 4 เจ้าชายก็พลาดท่าแพ้ให้กับพระสหายตามเคย ก็ส่งคนรับใช้ไปนำขนมจากเสด็จแม่มาอีก แต่ครั้งนี้พระมารดารับสั่งกับคนรับใช้ให้มาทูลเจ้าชายว่า “ขนมไม่มี” หรือขนมหมดแล้ว นั่นเอง
คนรับใช้ก็ทำตามรับสั่ง แต่เจ้าชายสุขุมาลชาติกลับไม่รู้ความหมายของคำว่า “ไม่มี” แต่เข้าใจไปว่าคำนั้นเป็นชื่อของขนมชนิดหนึ่ง
เห็นไหมล่ะ...เป็นจริงดังว่า
เจ้าชายเข้าใจไปว่า ไอ้ที่ว่าขนม “ไม่มี” นั้น คือ ชื่อขนม ชนิดหนึ่ง จึงส่งคนรับใช้ให้ไปกราบทูลเสด็จแม่ว่า “เอาขนมไม่มี” นั่นแหละมาเสิร์ฟ
คนรับใช้ใกล้ชิด...ฟังแล้วงง...สิครับ
ก็จะไม่ให้งงได้ยังไง และแกก็คงจะบ่นในใจบ้างละว่า...อะไรว้า นายเรา! ไม่รู้หรือไงว่า ขนมไม่มี คือ ขนมมันหมดแล้ว จะเอาอะไรอีก
เจ้าคนรับใช้รีบเดินทางมากราบทูลตามที่เจ้าชายรับสั่ง พระมารดาพอได้ยินก็ทรงเข้าพระทัยทันทีว่า พระโอรสของพระองค์นั้นไม่เคยได้ยินคำว่า “ไม่มี”
ดังนั้น จึงทรงดำริที่จะให้พระโอรสของพระองค์ทรงทราบความหมายของคำว่า “ไม่มี” นั้นว่าเป็นอย่างไร จึงนำถาดเปล่ามาทำความสะอาด จากนั้นปิดฝาด้วยถาดอีกใบหนึ่ง ส่งให้คนรับใช้นำไปถวายพระโอรส
ในระหว่างทางที่คนรับใช้ถือถาดเปล่าเดินไปนั้น เทวดาที่สิงสถิตอยู่ที่ซุ้มประตูวัง ก็คิดว่าเจ้าชายอนุรุทธะนี้ได้สร้างบุญบารมีมาแต่ชาติปางก่อนเมื่อครั้งเกิดเป็นคนเข็ญใจชื่อ “อันนภาระ”
โดยได้นำอาหารที่ตนกำลังจะกินแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า อริฏฐะ พร้อมได้ตั้งความปรารถนาว่า ถ้าได้เกิดใหม่ ขออย่าให้ได้ยินคำว่า “ไม่มี”
ดังนั้น ถ้าเจ้าชายอนุรุทธะได้รู้จักคำว่า “ไม่มี” แล้วเราต้องถูกเทพยาดาผู้มีอำนาจเหนือกว่าลงโทษแน่ จึงเนรมิต “ขนมทิพย์” จนเต็มถาด
เจ้าชายอนุรุทธะและพระสหายได้เสวยขนมทิพย์ซึ่งมีรสโอชายิ่งกว่าขนมที่เคยเสวยมา และเมื่อเสด็จกลับวังถึงกับต่อว่าพระมารดาทำไมไม่ส่งขนมนี้มาให้แต่แรก พร้อมกับทูลว่า ต่อไปจะขอเสวย “ขนมไม่มี” อย่างเดียวเท่านั้น
พระมารดาฟังแล้วถึงกับอุทานว่า โอ...ลูกเราบุญนำมาเกิดแท้


