posttoday

พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์

19 สิงหาคม 2555

พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาบัว เมื่อวันพุธ เดือน 7 ขึ้น 10 ค่ำ ปีกุน เบญจศก จ.ศ. 1225 ตรงกับวันที่ 27 พ.ค. 2406 มีพระเชษฐาร่วมมารดาเดียวกัน คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย กรมขุนศิริธัชสังกาศ พระองค์ได้รับการศึกษาชั้นต้นในพระบรมมหาราชวังและโรงเรียนมหาดเล็กหลวง หลังจากทรงผนวชตามพระราชประเพณีแล้ว ก็ทรงเข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในราชการทหารมหาดเล็กราชวัลลภ ราชองครักษ์ แล้วได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ออกไปรับราชการในต่างประเทศในตำแหน่งอัครราชทูตประจำกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาบัว เมื่อวันพุธ เดือน 7 ขึ้น 10 ค่ำ ปีกุน เบญจศก จ.ศ. 1225 ตรงกับวันที่ 27 พ.ค. 2406 มีพระเชษฐาร่วมมารดาเดียวกัน คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย กรมขุนศิริธัชสังกาศ พระองค์ได้รับการศึกษาชั้นต้นในพระบรมมหาราชวังและโรงเรียนมหาดเล็กหลวง หลังจากทรงผนวชตามพระราชประเพณีแล้ว ก็ทรงเข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในราชการทหารมหาดเล็กราชวัลลภ ราชองครักษ์ แล้วได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ออกไปรับราชการในต่างประเทศในตำแหน่งอัครราชทูตประจำกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ภายหลังกลับจากราชการในต่างประเทศ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน แล้วมีพระราชดำริจัดระเบียบการปกครองกระทรวงมหาดไทยเป็นอย่างเทศาภิบาล ภายใต้การกำกับดูแลของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย โดยได้รวมเอาหัวเมือง 8 หัวเมือง อันประกอบด้วย พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สระบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี อินทร์บุรี (ปัจจุบันคือ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี) พรหมบุรี (ปัจจุบันคือ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี) และพระพุทธบาท (ปัจจุบันคือ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี) เข้าเป็นมณฑลเรียกว่า “มณฑลกรุงเก่า” โดยได้ตั้งที่ว่าการมณฑล ณ มณฑลกรุงเก่า (พระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน) เมื่อเดือน ม.ค. ปี พ.ศ. 2438 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงเทศาภิบาลของมณฑลกรุงเก่าเป็นพระองค์แรก และในปีเดียวกันนั้นเองก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ขึ้นเป็น “กรมหมื่นมรุพงศ์สิริพัฒน์”

ในขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่านั้น กรมหมื่นมรุพงศ์สิริพัฒน์ประทับ ณ ตำหนักสะพานเกลือ ซึ่งตั้งอยู่ท้ายเกาะลอย อันมีวัดตะพานเกลือ ซึ่งเป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน ปัจจุบันบริเวณแห่งนั้นได้กลายเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยต่อเรือพระนครศรีอยุธยาไปแล้ว

พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์

 

ครั้นถึงปี 2446 กรมหมื่นมรุพงศ์สิริพัฒน์ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นข้าหลวงเทศาภิบาล สำเร็จราชการมณฑลปราจีนบุรี แทนพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอลังการ ได้ทรงรั้งตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมณฑลกรุงเก่า และปราจีนบุรีในคราวเดียวกันจนถึงปี 2449 พระองค์จึงขอพระราชทานพ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมณฑลกรุงเก่า เพื่อปกครองมณฑลปราจีนบุรีแต่เพียงมณฑลเดียว

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น “กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์” ในปี 2455 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2446 มีพระชันษา 61 ปี ทรงเป็นต้นราชสกุล “วัฒนวงศ์”

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ ได้ทรงอุทิศวังเก่าของพระองค์ให้รัฐบาลตั้งเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูแห่งแรก เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการทำบุญเปิดโรงเรียนฝึกหัดครูหญิงแห่งนี้ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2456 และเปิดสอนในวันที่ 10 มิ.ย. 2456 มีนักเรียน 24 คน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามโรงเรียนนี้ว่า “เบญจมราชาลัย” และกรมศึกษาธิการได้เชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงเปิดนามโรงเรียนเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2456

เมื่อกระทรวงธรรมการได้รับสถานที่นี้แล้ว ได้จัดซ่อมแซมแก้ไขให้เข้ารูปเหมาะที่จะเป็นโรงเรียน โดยใช้อาคารซึ่งเป็นพระตำหนัก 2 หลัง และอาคารเรือนไม้ 5 หลัง เป็นอาคารเรียน เริ่มเปิดสอนโรงเรียนฝึกหัดครูประถมทั้งประจำและไปกลับ รับนักเรียนในกรุงเทพฯ และมณฑลต่างๆ ได้ขยายการสอนถึงวิชาครูมัธยม ต่อมาในภายหลังได้เปิดสอนภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ชั้นสูง เทียบเท่าประโยคมัธยมบริบูรณ์ชาย เรียกว่าประโยคมัธยมวิสามัญ

ปี 2472 ได้เปิดสอนประโยคมัธยมบริบูรณ์ชาย มีทั้งแผนกภาษา แผนกวิทยาศาสตร์ และแผนกกลาง นับเป็นโรงเรียนสตรีแห่งแรกที่สอนวิชาในหลักสูตรมัธยมบริบูรณ์ชาย และมีจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้น ปี 2475 กระทรวงศึกษาธิการได้รับพระราชทานที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ตำบลถนนเพชรบุรี จากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินทร พระปิตุจฉาเจ้า ให้จัดสร้างเป็นโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการจึงสั่งย้ายครูและชั้นมัธยมบริบูรณ์ชาย (ม.78) ทั้งหมดไปอยู่โรงเรียนเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ นับเป็นการย้ายครั้งใหญ่ที่ทำให้โรงเรียนเบญจมราชาลัยต้องลดฐานะมาเป็นโรงเรียนสามัญ คงมีแต่นักเรียนเช้าไปเย็นกลับ ตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 1 ถึงมัธยมปีที่ 6 ต่อมาในปี 2476 โรงเรียนเบญจมราชาลัยได้ปรับปรุงการสอนเพิ่มถึงชั้นประโยคบริบูรณ์อีกดังเช่นเดิม แต่ในปี 2480 กระทรวงศึกษาธิการได้สั่งย้ายนักเรียนชั้นสูงไปเรียนรวมที่โรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัยและยุบเลิกชั้นประถม ตั้งแต่บัดนั้นมาคงเปิดทำการสอนเฉพาะชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตามคำสั่งของกรมสามัญศึกษา ในปี 2496 ได้เปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษาทั้งแผนกอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ในปี 2499 ได้เริ่มเปิดสอน 2 รอบ คือรอบเช้าและรอบบ่าย ในปี 2503 ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการศึกษาแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง คือ ทำการสอนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และในปี 2521 ได้เปลี่ยนแปลงตามแผนการศึกษาของชาติเป็นชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น 123 และชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 456 เนื่องจากอาคารเรียนเดิมเป็นเรือนไม้ เมื่อเวลาผ่านไปอาคารเรียนอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม ประกอบกับมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางโรงเรียนจึงได้จัดสร้างอาคารเรียนใหม่แทนเรือนไม้หลังเดิม คือ

ปี 2500 ได้รื้ออาคารไม้หลังเก่าด้านทิศเหนือ สร้างเป็นอาคารเรียนคอนกรีตหลังที่ 1 คือ ตึก “มรุพงศ์อนุสรณ์”

ปี 2504 ได้รื้ออาคารไม้หลังเก่าทางด้านทิศใต้ สร้างเป็นอาคารเรียนคอนกรีตหลังที่ 2 คือ ตึก “จันทรนิภา”

ปี 2508 ได้รื้ออาคารไม้ด้านทิศตะวันออก สร้างอาคารเรียนคอนกรีตหลังที่ 3 คือ ตึก “วัฒนานุสสรณ์”

ปี 2521 โรงเรียนได้ขยายสาขาไปตั้งเบญจมราชาลัย 2 ที่ ต.ประชานิเวศน์ 3 แขวงท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งปัจจุบันคือโรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์

ปี 2524 ได้สร้างอาคารเรียนหลังที่ 4 ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงเรียน อาคารเรียนหลังนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานนามว่า “เทพรัตน” (อ่านว่า เทบพะรัดตะนะ) และได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2526

ปี 2526 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้โรงเรียนเบญจมราชาลัยอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวันที่ 24 พ.ค. 2526

ปี 2534 โรงเรียนได้ขยายสาขาไปตั้งเบญจมราชาลัย 3 สาขามีนบุรี ที่ ต.สามวาตะวันตก เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เป็นโรงเรียนสหศึกษา ในโครงการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ ซึ่งปัจจุบันคือโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย

ปี 2536 ได้รื้ออาคารวัฒนานุสสรณ์ ซึ่งเป็นอาคาร 3 ชั้น สร้างให้เป็นอาคาร 6 ชั้น มีสระว่ายน้ำ “วิบูลวรรณ” บนดาดฟ้า เพื่อเป็นที่ระลึกในพระกรุณาธิคุณของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ องค์ต้นราชสกุล “วัฒนวงศ์” ผู้ทรงอุทิศวังแห่งนี้ อาคารหลังใหม่นี้เปิดใช้ในปีการศึกษา 2536 อาคารหลังนี้คือ “อาคารวัฒนวงศ์”

พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ ทรงมีหม่อม 3 คน มีพระโอรสธิดา 7 องค์ พระธิดาองค์หนึ่งคือ หม่อมเจ้าหญิงจงกลนี วัฒนวงศ์ ได้บริจาคทรัพย์ให้แก่สภากาชาดไทย เพื่อสร้างตึกคนไข้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ชื่อตึก “จงกลนี” เป็นอนุสรณ์มาจนทุกวันนี้

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ