ผวาอาถรรพ์ปราสาทขอมพันปี
เป็นเรื่องฮือฮาท้าทายความเชื่อ เมื่อชาวบ้านช่างปี่ ต.ช่างปี่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ หวาดผวาการขุดค้นบูรณะปราสาทหินช่างปี่
โดย...นพรัตน์ กิ่งแก้ว
เป็นเรื่องฮือฮาท้าทายความเชื่อ เมื่อชาวบ้านช่างปี่ ต.ช่างปี่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ หวาดผวาการขุดค้นบูรณะปราสาทหินช่างปี่ อโรคยาศาล สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมโบราณ อายุนับพันปี ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเหตุอาเพศหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งภัยแล้ง ลมพายุพัดถล่มหมู่บ้าน ที่สำคัญตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตไปแล้วร่วม 30 คน มาจากการที่มีผู้นำวัตถุโบราณที่ขุดพบออกไปจากปราสาท จนต้องทำพิธีขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ และถึงแม้ความเชื่อของชาวบ้านจะแยกออกเป็น 2 ฝ่าย แต่ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาต่างยึดถือคติ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
ชัยณรงค์ ทองหล่อ ผู้ใหญ่บ้านช่างปี่ เล่าว่า ที่ตั้ง อบต.ช่างปี่ ห่างกับปราสาทเพียง 50 เมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นอาณาบริเวณปราสาทมาแต่ก่อน บริเวณนั้นเป็นบารายหรือสระน้ำด้านทิศตะวันออก มีเขตแนวกั้นด้วยหินศิลาแลงและมีสระน้ำโบราณอยู่จริง แต่ต่อมาทาง อบต.ได้มาถมที่เพื่อสร้างสำนักงาน เมื่อมีการขุดเพื่อบูรณะ จึงมีเหตุประจวบเหมาะที่มีผู้เสียชีวิต กลายเป็นเรื่องโจษขาน ชาวบ้านที่มีที่ดินติดกับปราสาทใกล้กับ อบต. ได้บริจาคที่ดินผืนนั้นคืนให้ทางวัดเพื่อเป็นเขตปราสาทกว่า 3 ไร่ และมีอีกหลายคนที่จะบริจาคเพิ่มให้
ด้าน ยงยุทธ จิววุฒิพงศ์ นายก อบต.ช่างปี่ เห็นว่า การเสียชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะด้วยโรคชราและเป็นโรคมะเร็ง ไม่อาจจะยืนยันได้ว่าเป็นตามที่ชาวบ้านร่ำลือเรื่องอาถรรพ์ของปราสาทหรือไม่ แต่ตัวเขาเองยอมรับในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของปราสาท เพราะเหตุอาถรรพ์ที่เกี่ยวข้องนั้นมิใช่มีเพียงที่มีเหตุไฟไหม้โรงเรียนที่นำเอาหินปราสาทไปเท่านั้น แต่เมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาเกิดเหตุพายุใหญ่พัดถล่มบ้านเรือนจนเสียหายกว่าร้อยหลังคาเรือนมาแล้ว
เช่นเดียวกับ ไพฑูรย์ พินิจทรัพย์ เจ้าหน้าที่ดูแลรายงานผลการขุดค้นโบราณวัตถุ กรมศิลปากร เขาไม่อาจบอกได้ว่าการตายของชาวบ้านหลายสิบรายในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นผลมาจากอาถรรพ์ของปราสาทหรือไม่ แต่ก็เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของปราสาทแห่งนี้
“เรื่องความฝัน คนมาบูชาบนบานไว้ก็ประสบความสำเร็จเยอะ ปราสาทจะให้คุณมากกว่าให้โทษ แต่การที่คนเอาหินไป ก็ต้องเอามาคืนเพราะไม่สบายก็มี อภินิหารก็มีอยู่จริง”
วนิดา ทรงประโคน ผู้ใหญ่บ้านช่างปี่ ซึ่งสามีของเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่เสียชีวิตในช่วงนี้ ยอมรับว่า การตายของสามีนั้นมีสาเหตุจากถูกคุณไสยอย่างแน่นอน แม้แพทย์จะระบุว่าเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะป่วยได้เพียงไม่ถึงเดือนและเสียชีวิตฉับพลัน อีกทั้งหมอดูในหลายพื้นที่ก็บอกว่าโดนของ
ด้าน ชวนชัย สุขวาสนะ นักการภารโรงประจำปราสาทช่างปี่ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่เคยประสบกับความลี้ลับของปราสาทแห่งนี้ด้วยตัวเอง
“เคยฝันเห็นคนตัวดำสูงประมาณ 2 เมตร ถือดาบ 2 มือ ยืนอยู่ปลายเท้า มาห้ามผมเล่นหวย บอกมามีเงินหมื่นหมดหมื่น มีพันหมดพัน พอซื้อหวยก็หมดจริงๆ ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะลงโทษคนที่มาร้าย ถ้ามาดีก็ดีตอบ ส่วนคนที่เคยเอาหินวัตถุโบราณกลับบ้านไปก็ต้องเจอสิ่งไม่ดีกับตัว ต้องวิ่งเอาหินมาคืน แต่รายที่ตายน่าจะเกิดจากโรคประจำตัวมากกว่า”
ขณะที่ สุรเดช ใจงาม กำนันตำบลช่างปี่ ก็ต้องขุ่นเคืองกับข่าวอาถรรพ์ของปราสาทซึ่งถูกเผยแพร่ออกไป โดยยืนยันแข็งขันว่า การเสียชีวิตของชาวบ้านหลายสิบรายที่เกิดขึ้น เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บปกติ ไม่มีอาถรรพ์ใดๆ การนำเสนอข่าวน่าจะมีการตรวจสอบกันมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม พระครูสมุห์ศรนรินทร์ ธัมมเมธี เจ้าอาวาสวัดช่างปี่ ชี้ให้เห็นว่า ข่าวที่ออกไปเป็นเรื่องของธรรมชาติ ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ล้วนมีโรคประจำตัว พระพุทธองค์สอนว่าให้รู้จักพิจารณาเหตุผลเสียก่อนแล้วค่อยเชื่อ เพราะถ้าเป็นเรื่องอาถรรพ์จริงพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดคงเกิดเหตุเภทภัยไปแล้ว เพราะวัตถุโบราณที่ขุดพบก็นำมาเก็บไว้ในวัดทั้งหมด แม้แต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมามีพายุฤดูร้อนพัดถล่มทำให้บ้านเรือนเสียหายอย่างหนัก แต่วัดไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย การเกิดแก่เจ็บตายก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ
“ข่าวที่ออกมาว่ามีพระผู้ใหญ่ใน ต.ช่างปี่ มรณภาพติดต่อกัน 3 รูป 3 วัด ซึ่งท่านก็มรณภาพมาตั้งแต่ปี 2550 แล้ว อาตมาเห็นว่าไม่เห็นเกี่ยวอะไรกันเลย ข่าวลือที่ออกมาทำให้วัด หมู่บ้าน และญาติโยมใน ต.ช่างปี่ หวาดผวา ขอให้ท่านทั้งหลายสบายใจได้ว่าไม่มีอะไร เป็นเรื่องปกติธรรมชาติ วันที่ญาติโยมไปเซ่นไหว้ตัวปราสาท ไม่ใช่ขอขมาเกี่ยวกับอาถรรพ์การตาย แต่เป็นการเซ่นไหว้ขอฝน บนบานศาลกล่าวกับเทวดาอารักษ์ที่ดูแลปราสาทให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล”
แม้คำอธิบายด้วยเหตุผลจะหลั่งไหลออกมาจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าความเชื่อเรื่องอาถรรพ์ลี้ลับจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า เพราะเพียงแค่ข่าวอาถรรพ์ปราสาทพันปีแพร่ออกไปไม่กี่วัน ผู้คนก็หลั่งไหลกันมากราบไหว้บนบานปราสาทบ้านช่างปี่กันอย่างไม่ขาดสาย


