วาเด็ง ปูเต๊ะพระสหายแห่งสายบุรีสิ้นแล้ว
วาเด็ง ปูเต๊ะวัย95ปีพระสหายแห่งสายบุรีเสียชีวิตแล้วด้วยโรคชราที่บ้านพักจ.ปัตตานี
วาเด็ง ปูเต๊ะวัย95ปีพระสหายแห่งสายบุรีเสียชีวิตแล้วด้วยโรคชราที่บ้านพักจ.ปัตตานี
นายวาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรีเสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคชรา อายุ 95 ปี พระสหายแห่งลุ่มน้ำสายบุรี จ.ปัตตานี ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ) หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยคณะแพทย์ตรวจพบโรคเพิ่ม 2 โรค คือ เลือดเส้นเลือดดำโป่งพองใกล้หัวใจ และโรคไตวายระยะสุดท้าย นอกเหนือจากโรคหัวใจที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่ง ปู่วาเด็ง มีอายุมาก และร่างกายไม่แข็งแรง ล่าสุดวันนี้(7ส.ค.)นายวาเด็ง ได้เสียชีวิตด้วยโรคชราที่บ้านพักในจ.ปัตตานี
นายวาเด็ง เป็นชาวบ้านหมู่ 5 บ้านทุ่งเค็จ ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ความเป็นมาที่ได้เป็นพระสหายเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2535 ครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราช ดำเนินไปยังโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ อ.สาย บุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ จึงทรงมีพระราชดำรัสให้ศึกษาหาวิธีระบายน้ำในที่ลุ่มยามน้ำหลากและเก็บกักไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ชาวบ้านจะได้มีน้ำใช้เพื่อการเพาะปลูกและเพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจน ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง ณ บ้านเจาะใบ ต.แป้น อ.สายบุรี ประทับทอดพระเนตรพรุแฆแฆด้านตะวันตก และทรงมีพระราชดำรัสกับชาวบ้านเป็นเวลานาน ทรงได้ข้อมูลใหม่และสนพระทัยที่จะเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรความเป็นไปได้ใน การสร้างอาคารกั้นน้ำที่คลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ แต่เนื่องด้วยเวลาเย็นแล้วและไม่ได้เตรียมเส้นทางไว้รอรับเสด็จล่วงหน้า ที่สำคัญเป็นเส้นทางทุรกันดาร รถยนต์ยังเข้าไปไม่ถึงจุดหมาย
เจ้าหน้าที่จึงกราบบังคมทูลว่าเสด็จฯ ไปไม่ได้แต่ด้วยพระราชหฤทัยที่มุ่งมั่นในอันที่จะบำบัดความเดือดร้อนของชาวบ้านไม่ว่าเส้นทางนั้นจะมืดลำบากอย่างไร พระองค์ยังเสด็จพระราชดำเนินต่อไป เมื่อสิ้นสุดเส้นทางรถยนต์จึงเสด็จฯ ตามทางเท้าเล็กๆ สองข้างรกชัฏไปอีกไกลด้วยพระบาท เมื่อถึงชายคลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จนั้นตะวันลับขอบฟ้าพอดี ทรงพิจารณาแผนที่ด้วยแสงจากไฟฉายเป็นเวลานาน ท่ามกลางความมืดมิดและความตึงเครียดของเจ้าหน้าที่ถวายอารักขาตอนนั้นนายวาเด็ง ทราบแล้วว่าเป็นในหลวง แต่จะเข้าไปใกล้ๆ ก็ไม่กล้า เพราะว่านุ่งโสร่งตัวเดียว ไม่ได้สวมเสื้อ พอเข้าไปใกล้ๆ ในหลวงก็บอกว่าจะมาขุดคลองชลประทานให้ พอได้ยินอย่างนั้นนายวาเด็ง ก็ดีใจมาก คุยกันเยอะ ท่านถามว่าถ้าขุดคลองสายทุ่งเค็จนี้จะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน
นายวาเด็งบอกท่านว่าคลองเส้นนี้มีที่ดินติดเขต ต.แป้น ทางเหนือขึ้นไปสุดที่อ.ศรีสาคร ในหลวงถามต่อว่าถ้าไปออกทะเลจะมีกี่เกาะ นายวาเด็งก็ตอบท่านไปว่ามี 4 เกาะ ท่านก็ชมว่าเก่ง สามารถจำทุกที่ที่ผ่านไปได้ แล้วท่านก็เปิดดูแผนที่ที่นำมาด้วย แล้วบอกว่านายวาเด็งรู้จริง ไม่โกหก ทุกสิ่งที่นายวาเด็งบอกมีอยู่ในแผนที่ของพระองค์แล้วในหลวงคุยกับนายวาเด็งเป็นภาษามลายู พอเจอกันบ่อยๆ คุยกัน มีความเห็นตรงกัน ท่านก็เลยรับนายวาเด็งเป็นพระสหาย
นายวาเด็งบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่บอกท่านไปทั้งหมดเป็นความจริง พูดโกหกไม่ได้จะเป็นบาป หลังจากได้กราบบังคมทูลเส้นทางขุดคลองในโครงการพระราชดำริแล้ว ในครั้งนั้นเป๊าะวาเด็งได้ถวายที่ดินเพื่อดำเนินโครงการพระราชดำริอีกด้วย สำหรับที่มาของคำ "พระสหายแห่งสายบุรี" ย้อนไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสแสดงความเป็นห่วงเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยามนั้น และมีรับสั่งว่า "มีสหายอยู่ที่นั่นคนหนึ่งชื่อ วาเด็ง ปูเต๊ะ" ชีวิตพอเพียงของ “เป๊าะเด็ง” กับเรื่องเล่าวันเข้าเฝ้าฯในหลวง


