พิษกระต่ายบ้าไม่ลามสู่คน

ภายหลังกระต่ายกัดคนจนเป็นที่ฮือฮา ว่า จะแพร่เชื้อพิษสุนัขบ้าสู่คน หน่วยงานที่รับผิดชอบ

ด้านการแพร่ระบาดเชื้อสุนัขบ้าได้ออกมายืนยันว่า เชื้อพิษสุนัขบ้าที่แพร่ไปติดกระต่ายไม่สามารถแพร่ระบาดมาสู่คนได้

นสพ.ทฤษดี ชาวสวนเจริญ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กระต่ายที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าและกัดเจ้าของเมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เกิดขึ้นได้ในสัตว์เลือดอุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด แต่จากสถิติในประเทศไทยพบโรคพิษสุนัขบ้ากว่า 95% พบในสุนัข และประมาณ 3% พบในแมวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรค

ดังนั้น ผู้เลี้ยงกระต่าย หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด ควรนำสัตว์เลี้ยงตั้งแต่อายุ 3 เดือนขึ้นไป ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจากสัตวแพทย์

พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. จะลงพื้นที่ตรวจสอบสัตว์เลี้ยงในฟาร์มและแหล่งค้าขายในตลาดนัดจตุจักรในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เพื่อตรวจสอบและควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก เบื้องต้น กทม.ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ทั้ง 5 คน ที่ถูกกระต่ายกัดแล้ว และได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยเฝ้าระวังลงพื้นที่ตรวจสอบโรคและค้นหาสัตว์อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงในรัศมี 5 กิโลเมตรแล้ว

นอกจากนี้ ได้ประชุมด่วนร่วมกับกรมปศุสัตว์ กระทรวงสาธารณสุข สภากาชาด สถานเสาวภา และสำนักอนามัย กทม. โดยมีข้อเสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าครอบคลุมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด

ขณะเดียวกันให้เปลี่ยนชื่อโรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคเรบีส์ (Rabies) เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้

สพญ.ปราณี พาณิชย์พงษ์ สัตวแพทย์ หญิงชำนาญการพิเศษ สำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ กล่าวว่า วิธีสังเกตว่าสัตว์เลี้ยงติดเชื้อสุนัขบ้าหรือไม่ ดูได้จากอาการทางระบบประสาท สมองบวม ดุร้ายกว่าปกติ เป็นอัมพาต และเสียชีวิต โดยผู้ที่โดนสัตว์กัดให้ไปพบแพทย์ทันที

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าและเข้ารักษากว่า 4 แสนคนต่อปี ส่วนใหญ่ถูกสุนัขและแมวกัด และหากต้องการฉีดวัคซีนฟรีติดต่อได้ที่ 02-248-7417 หรือสายด่วน 1555