posttoday

แท็กซี่หื่นกามภัยข่มขืนยามค่ำคืน

05 มิถุนายน 2555

ภัยของสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่า “สาว” ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่เหมือนหมาป่าจ้องอยู่ เมื่อใดเผลอจะลงมือขย้ำเหยื่อทันที

ภัยของสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่า “สาว” ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่เหมือนหมาป่าจ้องอยู่ เมื่อใดเผลอจะลงมือขย้ำเหยื่อทันที

ยิ่งในยามวิกาลด้วยแล้ว สาวๆ หลายนางที่ต้องเดินทางทั้งจากธุระส่วนตัว หรือหน้าที่การงานก็ตามด้วยความจำเป็น ยิ่งเพิ่มความสุ่มเสี่ยงให้เกิดภัยเข้าไปอีก เพราะตามข่าวในช่วง 23 สัปดาห์ที่ผ่านมา หญิงสาวหลายคนตกเป็นเหยื่อของ “คนขับแท็กซี่” ใจทรามบางคน ที่หันเหหน้าที่ขับรถรับส่งผู้โดยสาร กลายร่างเป็นมัจจุราชบ้ากาม ไล่ข่มขืนสาวที่มาโดยสารทันที

อย่างรายล่าสุด ที่สาววัย 25 ปี โดยสารรถแท็กซี่มหาภัยโดยไม่รู้ตัว เมื่อวันที่ 28 พ.ค. และยังเป็นเวลาแค่ 19.00 น. หัวค่ำอยู่ทีเดียว ว่าจ้างจากคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในซอยพัฒนาการ 25 เพื่อให้ไปส่งที่โรงแรมคิงปาร์ค ถนนศรีนครินทร์ แต่แท็กซี่รายนี้ซึ่งขับโดย นพดล หรือเค ตะบ้านไร่ อายุ 30 ปี กลับเกิดอารมณ์สยิวบ้ากาม ทำทีบอกว่าจะไปทางลัดเพราะรถติด และเมื่อสบจังหวะเลยแวะเข้าสถานที่เปลี่ยว แล้วคนขับแท็กซี่ก็กลายเป็นมัจจุราชข่มขืนเธอทันที พร้อมเสร็จกิจก็ไล่ลงจากรถ

โชคดีที่ตำรวจตามตะครุบตัวได้ทัน เบาะแสได้จากที่เพื่อนสาวของเธอโทรศัพท์เข้าไปหา ในขณะที่เธอกำลังถูกข่มขืน ด้วยความมีสติจึงกดปุ่ม “รับโทรศัพท์” โดยที่แท็กซี่บ้ากามไม่เฉลียวใจ ซึ่งเพื่อนของเธอได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ จึงรีบแจ้งตำรวจตามไปจับทันที แต่ก็ไม่ทันการณ์เพราะเธอถูกตราบาปที่ไม่ต้องการติดตัวไปเสียแล้ว ซึ่งคนร้ายรายนี้ก็ต้องตามไปหื่นกามในคุกต่อไป พร้อมกับยอมรับว่า เกิดอารมณ์ “หื่น” เพราะเห็นผู้โดยสารใส่กางเกงขาสั้น เลยทนพิษอารมณ์เปลี่ยวไม่ไหว

แท็กซี่หื่นกามภัยข่มขืนยามค่ำคืน

 

ถือเป็นภัยที่น่ากลัวและเกิดขึ้นบ่อยโดยเฉพาะในสังคมเมืองกรุง ที่หลายพื้นที่ก็มีสถานที่เปลี่ยวเยอะ ประกอบกับบางคน “มีอารมณ์หื่น” ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หญิงสาวจึงต้องกลายเป็นเหยื่ออย่างไม่จบสิ้น

พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ที่ดูแลงานด้านสืบสวน เล่าถึงการก่อเหตุบนรถแท็กซี่ที่โชเฟอร์บางคนจ้องจะจับเหยื่อโดยเฉพาะหญิงสาว ที่แต่งตัวยั่วให้เกิดอารมณ์ว่า ภัยที่เกิดจากคนขับแท็กซี่บางคน ถือว่าเป็นภัยที่อันตรายมากและไม่ได้เกิดแต่เฉพาะกับหญิงสาวเท่านั้น ผู้ชายบางคนหากพลาดก็อาจจะตกเป็นเหยื่อได้เช่นกัน ทั้งถูกทำร้ายร่างกายเพื่อชิงทรัพย์

“แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่แล้ว นอกจากจะถูกใช้กำลังประทุษร้าย บางคนยังถูกลวนลาม หรือร้ายแรงถึงขั้นข่มขืนอีกด้วย และหลายคนที่เกิดความกลัว อาย ไม่กล้ามาแจ้งความ ทำให้คนร้ายลอยนวลและย่ามใจก่อเหตุกับเหยื่อเพิ่มต่อไปอีกเรื่อยๆ” พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ กล่าว

รอง ผบช.น. ย้ำว่า หากดูแล้วว่าขณะที่อยู่ในแท็กซี่เห็นว่าไม่ปลอดภัยก็ให้รีบโทรศัพท์แจ้งญาติ เพื่อน หรือตำรวจ ให้รีบมาช่วยทันที เป็นการเอาตัวรอดอย่างดีที่สุด ต้องพยายามไม่ให้คนร้ายมาโดนตัวหรือร่างกายเด็ดขาด ให้วิ่งหนีรอบรถอย่าให้ประชิดตัว พร้อมกับตะโกนขอความช่วยเหลือ หรือถ้าทำได้ หรือใช้สมองแก้ไขปัญหา บอกไปเลยว่าเป็นโรค หรือมีญาติเป็นตำรวจ เป็นทหาร ขู่คนร้ายให้กลัวเกรงบ้าง หากรอดมาแล้ว ก็ต้องแจ้งความให้ตำรวจตามจับทันที อย่าปล่อยไว้

“หญิงสาวที่ต้องเดินทางโดยรถแท็กซี่คนเดียว ทั้งยามกลางวัน หรือกลางคืนก็ตาม ควรจะไปนั่งด้านหลังคนขับ ซึ่งถือว่าเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด เพราะหากนั่งด้านซ้ายตามปกติ จะเป็นเหตุให้คนขับแท็กซี่ที่คิดไม่ซื่อลงมือก่อเหตุได้ง่าย และหากจะหนีก็ให้หนีทางประตูรถด้านซ้าย อย่าลงด้านขวา เพราะคนขับแท็กซี่จะลงจากรถได้และถึงตัวเราได้เร็วกว่า”

อีกเรื่องที่สำคัญไม่น้อย พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ ระบุว่า การพูดจาก็สำคัญเช่นกัน ไม่ควรไปพูดมากกับคนขับแท็กซี่ หรือไม่ควรให้ความสนิทสนมมากเกินไป และต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของคนขับ ทั้งจากคำพูดและสายตา หากเห็นท่าไม่ดี ก็บอกให้จอดรถและลงทันที หากไม่จอดก็ขู่ไปเลยว่าจะเปิดรถเอง หรือหาทางเปิดประตูและตะโกนขอความช่วยเหลือทันที” พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ แนะนำ

ต้องระมัดระวังตัวเองไว้ก่อน สำหรับสาวๆ ที่ต้องอาศัยรถแท็กซี่ในการเดินทาง เพราะแน่นอนว่าทุกอาชีพย่อมมีคนที่ไม่ดี มีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่ในสังคมอยู่ทุกแห่ง

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568