posttoday

ในริ้วขบวนกับการถวายงานครั้งสุดท้าย

10 เมษายน 2555

ในริ้วขบวนพระอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

โดย...วราภรณ์ ผูกพันธ์

ในริ้วขบวนพระอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี อันสง่างามสมพระเกียรติ ประกอบด้วยพระประยูรญาติ เรียงตามลำดับความใกล้ชิดของราชวงศ์ และริ้วขบวนของข้าราชบริพาร

หนึ่งในพระประยูรญาติที่อัญเชิญเครื่องราชอิสริยยศมีราชสกุลรัชกาลที่ 4 “จิตรพงศ์” ซึ่งนำโดย ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ ผู้อัญเชิญเครื่องราชอิสริยยศมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก รวมอยู่ด้วย

ม.ร.ว.จักรรถ ศาสตราภิชานแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเลขาธิการมูลนิธินริศรานุวัดติวงศ์ เล่าว่า ความผูกพันระหว่างราชสกุลจิตรพงศ์กับรัชกาลที่ 6 นั้นสืบเนื่องมาตั้งแต่ผู้เป็นปู่ คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เคยถวายงานเป็นผู้ออกแบบงานศิลปกรรมไทยร่วมสมัยในล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ตลอดรัชกาล โดยรายละเอียดงานศิลปกรรมในพระเมรุครั้งนี้ก็ตกแต่งด้วยรูปแบบศิลปะที่สมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ได้เริ่มทำไว้เป็นบุคคลแรกๆ น่าเสียดายที่ท่านปู่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตนอายุได้ 2 ขวบเศษ จึงไม่ได้รับทราบเรื่องราวการถวายงานมากนัก

ในริ้วขบวนกับการถวายงานครั้งสุดท้าย

 

“ตอนเด็กๆ เมื่อ 40 ปีก่อน จำได้ว่าเคยเข้าไปในวังรื่นฤดี โดยตามผู้ใหญ่เข้าไป 34 ครั้ง พอสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ สิ้น ผมก็ตั้งใจไว้ว่าอยากถวายงานให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ คราวมีงานสวดพระอภิธรรมศพผมตั้งใจจะเข้าไปร่วมงานทุกวัน แต่สามารถเข้าไปฟังสวดพระศพได้จริงๆ ประมาณ 98 วัน แล้วก็นั่งฟังอยู่แถวหน้าๆ ก็คงมีคนสังเกตเห็นว่าผมมีความตั้งใจจริง

“ในที่สุดเขาก็มาถามว่า อยากเดินในหมู่อัญเชิญเครื่องราชอิสริยยศหรือไม่ ผมก็ตอบไปว่า ยินดี ผมไปซ้อมเต็มที่ทุกครั้ง เป็นความตั้งใจที่ผมอยากทำเพื่อถวายงานท่าน แล้วก็ทำได้ในสิ่งที่หวัง ที่มีโอกาสได้ถวายงาน ด้วยความปลื้มปีติ และซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณของพระองค์”

วันนี้ ม.ล.จารุวัฒนา (ไชยันต์) ชินธรรมมิตร์ ในวัย 60 ปี เป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมเดินในริ้วขบวนพระอิสริยยศของข้าราชบริพารอันเป็นการถวายงานสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ที่สำคัญยิ่ง

ย้อนเวลากลับไปเมื่อกว่า 40 ปีก่อน เด็กสาววัยแรกรุ่นร่างระหงได้ติดตามคุณพ่อและคุณแม่ ม.ร.ว.ไชยวัฒน์ ไชยันต์ และ จริยา ไชยันต์ ณ อยุธยา ข้าราชบริพารผู้ถวายงานแด่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ไปเข้าเฝ้าที่วังรื่นฤดี ด้วยพระจริยวัตรที่งดงามและพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านทำให้เธอจดจำไม่รู้ลืม

ม.ล.จารุวัฒนา ได้ย้อนรำลึกอดีตถึงพระอัจฉริยภาพในเรื่องความทรงจำและการคำนวณที่แม่นยำว่า

“ครั้งแรกที่มีโอกาสเข้าเฝ้า ดิฉันยังเด็กมาก ยังไม่เข้าโรงเรียนเตรียมฯ เลยด้วยซ้ำ ทรงมีรับสั่งถามว่า ชื่ออะไรจ๊ะ ก็ทูลตอบไปว่า ชื่อป๊อบเพคะ จากนั้นทรงมีรับสั่งถามต่อว่า เกิดวันอะไร เราทูลวันที่ เดือน และ พ.ศ.ไป ทรงมีรับสั่งทันทีว่าวันอังคาร ถ้าหากเป็นคนทั่วไปคงต้องใช้เวลาในการเปิดปฏิทินร้อยปีเพื่อหาคำตอบ พระอัจฉริยภาพด้านนี้ประจักษ์แก่ผู้ที่เคยเข้าเฝ้าและดิฉันเสมอมา

“ความประทับใจในพระปรีชาของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ อีกอย่างคือ เวลาเสด็จไปทรงเป็นประธานงานทอดผ้าพระกฐิน ทรงมีรับสั่งคำถวายผ้าพระกฐินภาษาบาลีได้อย่างถูกอักขรวิธี โดยไม่ต้องอ่านจากหนังสือหรือกระดาษบันทึกแต่อย่างใด”

เพราะมีโอกาสได้ติดตามไปเข้าเฝ้าถวายงานแด่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ เป็นประจำ ทำให้ ม.ล.จารุวัฒนา ได้ซึมซับบรรยากาศอันร่มรื่นเย็นสบายของวังรื่นฤดีไว้อย่างเต็มเปี่ยม “ทุกเย็นจะมีคุณข้าหลวงชื่อ คุณป้าอิน (คุณอินทุประภา นิโครธวนิช) นั่งจัดดอกไม้ เสียบดอกมะลิที่กิ่งกัลปังหาเพื่อให้ทรงนำไปถวายพระ ซึ่งเป็นบรรยากาศกึ่งสมัยใหม่และโบราณมาอยู่รวมกันได้อย่างไม่ขัดเขิน”

สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ยังทรงมีพระเมตตาแด่เพื่อนมนุษย์เป็นที่ประจักษ์ชัด “ทรงโปรดถักนิตติง แต่ไม่ได้ทรงเก็บไว้ใช้เอง แต่ทรงมอบให้สภากาชาดเพื่อนำไปประมูลหารายได้มาช่วยเหลือในกิจการต่างๆ ความรู้สึกประทับใจคือ การที่ทรงทำด้วยพระเมตตาต่อผู้อื่น เวลาที่ทรงตั้งพระทัยทำอะไรแล้วจะทรงทำอย่างจริงจัง สมัยก่อนเมื่อวังรื่นฤดีมีการจัดงานการกุศล จะไม่ใช่เพื่อความบันเทิง แต่เพื่อหารายได้ช่วยเหลือกิจการของสมาคมต่างๆ

ในริ้วขบวนกับการถวายงานครั้งสุดท้าย

 

“ดิฉันได้มีโอกาสเดินแบบต่อหน้าพระพักตร์ 23 ครั้ง เป็นงานแฟชั่นโชว์ที่เกณฑ์สาวๆ และเด็กๆ ลูกหลานข้าราชบริพารไปเดินในงาน ดิฉันก็ได้รับคัดเลือกไปเดินด้วย เป็นการเดินต่อหน้าพระพักตร์ ต้องฝึกซ้อมกันนาน เพราะดิฉันในสมัยนั้นยังเป็นเด็กกะโปโลอยู่ เราต้องเดินข้ามสระน้ำ ต้องซ้อมหนัก หัดเดิน หัดหมุนตัว รู้สึกตื่นเต้นแต่ก็ต้องทำให้ดี”

ตลอดเวลาที่ได้ถวายงานแด่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ สิ่งซึ่ง ม.ล.จารุวัฒนา ซึมซับและรู้สึกได้คือ เมื่อทรงตั้งพระทัยทำสิ่งใดก็ตาม จะทรงเลือกทำในสิ่งที่ดีและทำให้ได้ดีที่สุด อีกทั้งยังทรงเป็นผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง

การได้ร่วมเดินในริ้วขบวนพระอิสริยยศของข้าราชบริพารนับเป็นการถวายงานสมเด็จเจ้าฟ้าฯ เป็นครั้งสุดท้ายของ ม.ล.จารุวัฒนา

“ช่วงปีหลังๆ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ไม่ค่อยได้ทรงออกงาน แต่คุณแม่ยังคงเข้าไปเฝ้าอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมาถึงวันนี้ ยามระลึกถึงสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ครั้งใดก็จะทำให้รู้สึกใจหาย เพราะเมื่อยังทรงมีพระชนม์อยู่ เรายังคงมีโอกาสได้ไปเฝ้าบ้าง แต่ต่อจากนี้ไป...ไม่มีแล้ว”

ข่าวล่าสุด

DSI แจง "คดีJKN" พบความผิดนอกราชอาณาจักร ย้ำ! ปมหุ้นกู้ยังอยู่ที่ ก.ล.ต.